Page 50 - CultureMag2015-3
P. 50

กาบัดด้ี : ญาตขิ องตี่จับ
                                                                           จากอกี ฝัง่ มหาสมทุ ร 

๒๔๗๕ (ตอ่ มาเปลย่ี นชอ่ื เปน็  “สมาคมกฬี าไทย”) ภารกจิ หลกั                      แม้จุดก�ำเนิดของตี่จับในดินแดนไทยจะยังไม่ชัดเจน 
คือจัดแข่งขันกีฬาพ้ืนเมือง เช่น ว่าว ตะกร้อ หมากรุก                        แต่ในดินแดนชมพูทวีปมีบันทึกถึงกีฬาประเภทหน่ึงเรียกช่ือ
กระบก่ี ระบอง ฯลฯ เปน็ ประจ�ำทกุ ป ี ดว้ ยหว่ งวา่ กฬี าพน้ื บา้ น         ว่า “กาบัดด้”ี  (Kabaddi) นยิ มเล่นกันมากว่า ๔,๐๐๐ ปแี ล้ว 
จะสญู หายไป
                                                                                 ปราชญ์ภารตะกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการละเล่น 
      การรวมศูนย์อ�ำนาจรัฐในช่วงน้ัน มีไปจนถึงความ                         กาบัดดี้ว่าเพื่อฝึกซ้อมประลองก�ำลังในการต่อสู้ ป้องกันตัว
พยายามรวบรวม “กีฬาพื้นเมือง” จากท่ัวประเทศ โดยให้                          และใช้ในกองทัพเพื่อการรบ โดยมีรูปแบบและวิธีเล่นพัฒนา
แตล่ ะจงั หวดั จดั หาชอื่ และวธิ เี ลน่  สง่ เขา้ มาสว่ นกลางเพอ่ื เรยี บ  ไปตามยุคสมัยและสภาพแวดล้อมของภูมิประเทศ แผ่ขยาย 
เรียงเป็นหนังสือในชื่อเดียวกัน ก่อนจะแจกจ่ายออกไปให้                       ในวงกว้าง จนนับว่าเป็นเกมกีฬายอดนิยมในพ้ืนที่ซึ่งปัจจุบัน
แต่ละจังหวัดจัดการแขง่ ขนั ขึน้                                            นับเป็นเอเชียใต้ อันได้แก่ประเทศอินเดีย ปากีสถาน เนปาล 
                                                                           บงั กลาเทศ ศรีลงั กา เป็นส�ำคัญ 
      เม่ือปี ๒๕๒๗ รองศาสตราจารย์ชัชชัย โกมารทัต 
และคณะ ได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับกีฬาและการละเล่นพื้นเมือง                           หลักฐานของการละเล่นกาบัดดี้ย่อมมีปรากฏอยู่ใน
ในประเทศไทย พบว่ามีการละเล่นระหว่างปี ๒๔๖๐–๒๔๘๐                            มหากาพย์ มหาภารตะ แม้กระทั่งวรรณคดีทางพุทธศาสนาก็
ราว ๖๐ กวา่ ลกั ษณะ อาท ิ กอ๊ บแกบ๊ โกง๋ เกง๋  กระเตงิ กระตอ้ ย            ยงั กลา่ ววา่ เจา้ ชายสทิ ธตั ถะทรงเลน่ กาบดั ดเ้ี พอื่ ความแขง็ แกรง่
กอล์ฟชาวบ้าน เก้าอี้คน ขี่ม้าชิงหมวก ขี่ม้าฟันดาบ แข่งเต่า                 ของรา่ งกายและจติ ใจ
ขว้างนุ่น ข่ีม้าชนกัน ขว้างราว ขว้างคิง ค้�ำสาว คุลาตีผ้า 
จบั ควายสา้ ม จ้�ำบกั ยม ตไี ก ่ ตจี่ บั  แนดขอนทงุ  แนดนงั่  ตง้ั เต            ยังมีการอธิบายเช่ือมโยงว่าการเปล่งเสียงร้องพร้อม
มอญ ตาเขย่ง เตย ตีขอบกระด้ง เต้นสากถีบครก นกคุ่ม                           เคลื่อนไหวร่างกายขณะเล่นกีฬานี้ คือการกลั้นลมหายใจ 
ฟ้อนเชิง ปีนทะรูด ฟัก ลอย พุ่งเรือ ปลาหมอตกกระทะ                           เฉกเช่นเดียวกับการก�ำหนด “ปราณ” ในทางโยคะศาสตร์ ส่ง
ผเี ขา้ ขวด ฟดั ถม แมแ่ นดแยง่ เสา ย่�ำเงา ลบั ลต้ี กี ระปอ๋ ง ลกู กง๋     ผลดีต่อทง้ั กายและจิตไดเ้ สมอกัน
อีแม่ไล่ตี ไล่นก อีหย่อหนังว้อ แมวกับปลาย่าง ยิง แหล่ง 
โยนหมอน ลงิ เกยี่ ลกู  หนอนซอ้ น หนอนเลขแปด ไหสองนว้ิ มอื                        ชาวไทยเราเช่ืออย่างสนิทใจว่า “กาบัดดี้”  เป็นญาติ
มดั ฟนื  แยล้ งร ู ลากทางหมาก ลงิ ชงิ หลกั  เสอื กนิ ววั  แยง่ เมอื ง      สนทิ รว่ มเชอ้ื สายกบั  “ตจ่ี บั ” เมอ่ื ครงั้ กาบดั ดเ้ี ปดิ ตวั ใหช้ าวโลก
ราวเด้อ เรือลูกโป่ง ลูกฉุด วิ่งป้อย อ้าว้าย อ้ายโม่ง อุ่ย                  ประจักษ์ในกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ ๑๑ เช่นเดียวกับชาวลาว
เป็นตน้                                                                    เชอื่ วา่  “อ/ี่ Eu” และชาวมาเลเซยี เชอื่ วา่  “ชดิ กู ดู ู /Chi-du-ku-du” 
                                                                           กเ็ ปน็ ญาตริ ่วมเช้ือสายกาบดั ดเี้ หมอื นกนั  
      งานวิจัยนี้เสนอว่าการเล่นเกมและกีฬาพ้ืนเมืองไทย
ซบเซาลงเม่ือเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ หลังจากสงคราม                   กาบดั ดี้ : กฬี าสากล
สงบ ผู้คนหันไปสนใจอารยธรรมของต่างประเทศท่ีหลั่งไหล
เข้ามารวมถึงเกมกีฬาแบบสากล  การละเล่นพ้ืนเมืองจึง                                การแขง่ ขนั กฬี าเอเชยี นเกมสร์ ะหวา่ งประเทศในเอเชยี
หลงเหลือตกคา้ งเลน่ กันอยู่เฉพาะในชนบทบางถิน่                              ดว้ ยกนั  ครงั้ แรกจดั ขนึ้ ทกี่ รงุ เดล ี ประเทศอนิ เดยี  เมอ่ื ป ี ๒๔๙๔
                                                                           มีชาติที่เข้าร่วม ๑๑ ประเทศ จากนั้นหมุนเวียนไปทุก ๔ ปี 
      นี่อาจเป็นสาเหตุหน่ึงที่ท�ำให้การละเล่น “ตี่จับ”                     ผา่ นมาจนถงึ ครงั้ ท ่ี ๑๑ มปี ระเทศจนี เปน็ เจา้ ภาพในป ี ๒๕๓๓
หลงเหลอื อยู่เพียงกลมุ่ เลก็ ๆ 

48 วัฒนธ รม
   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55