Page 27 - CultureMag2015-2
P. 27
บรมราชกุมารี ทรงซอสามสายได้สง่างาม และทรงเรียกเสียง ประสานดรุ ยิ ศพั ทเ์ ดนิ มาเหน็ พดู ข้นึ กบั ทา่ นวา่ “อยา่ สเี ลยวะ
กล่อมเสียง ได้ดี ไพเราะ และคล่องแคล่ว แต่ในระยะหลังไม่ ไม่เป็นหรอก” แม้อาจเป็นค�าครูปรามาสให้เกิดมานะ แต่
เคยไดช้ มพระบารมแี ละพระอัจฉรยิ ภาพในการทรงซอสามสาย หลวงไพเราะฯ กไ็ มจ่ บั ซอสามสายอกี เลยจนกระท่ังส้นิ บญุ เจา้
มานานแลว้ คณุ ครพู ระยาประสานฯ
ผู้ทเี่ ป็นครูบาอาจารย์ใหญ่ทที่ รงคุณ มิอาจละเลยได ้ หลังจากนั้นท่านได้อุตสาหะฝึกฝนด้วยตนเอง จาก
คือ พระประดิษฐ์ไพเราะ (มี ดุริยางกูร) หรือครูมีแขก ครัง้ การสังเกตมาก ฟังมาก ปฏิบัติมาก จนกระทงั่ สีซอสามสาย
ต้นกรุงจนถึงต้นรัชสมัยพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลท ี่ ๕ ท่าน ได้ไพเราะเพราะพริ้ง นิ่มนวลเป็นพิเศษ สมกับราชทนิ นาม
เป็นมหาอจั ฉริยบุรุษได้รังสรรค์สารพัดของดีไว้ให้ขบวนการ “ไพเราะเสียงซอ” ท่านมีผลงานมากมาย ทงั้ อัดแผ่นเสียง
ดนตรที ่ยี ดื ยาวเปน็ ตน้ แบบมาจนปจั จบุ นั กม็ คี วามช�านชิ า� นาญ และเทป พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล
ในการซอสามสายเป็นทีย่ ่ิง ได้ประทานซอสามสายทา� ด้วยงาล้วน คันทวนถมตะทองให ้
ดว้ ยทรงโปรดปรานยง่ิ ทา่ นใชซ้ อนเ้ี ปน็ ซอคมู่ อื จนถงึ แกก่ รรม
พระยาธรรมสารนิติ (ตาด อมาตยกุล) ท่านผู้นี้มีวิธ ี
ใช้นิ้วแบบพิเศษ ไพเราะลึกซึง้ มีสมญาว่า “นิ้วชั่ง” คือใครจะ ทา่ นมศี ษิ ยม์ ากมายท่ัวแผน่ ดนิ ท่เี ปน็ ท่รี จู้ กั กม็ ี คณุ ครู
ต่อนิว้ พิเศษของท่าน จะต้องเสียก�านล นิว้ ละ ๑ ชั่ง ในสมัย อนันต์ ดูรยะชีวิน บุตรชายหัวปีซึ่งถึงแก่กรรมก่อนท่านเป็น
เมือ่ ร้อยกวา่ ปีก่อนแลว้ เวลานาน คุณครูประเวช กุมุท ศิลปินแห่งชาติ คุณไพศาล
อนิ ทวงศ์ และทา่ นอนื่ ๆ อีกมาก โดยเฉพาะคณุ อนันตท์ เ่ี ปน็
พระยาอมาตยพงศ์ธรรมพศิ าล (ประสงค์) ก็เกิดใน บตุ รชายของทา่ นน้นั เม่อื แรกหดั ซอสามสาย ทา่ นไดฝ้ ากฝงั ให้
สกลุ อมาตยกลุ เจา้ จอมในสกลุ นบ้ี างทา่ นเปน็ ผสู้ ซี อสามสาย พระยาภูมเี สวนิ ผ้เู ปน็ เพื่อนรกั เป็นผวู้ างรากฐานสง่ั สอนหลัก
ไดใ้ นระดบั ท่ีเปน็ ครบู าอาจารยไ์ ด ้ นายเทวาประสทิ ธ ์ิ พาทย- การทงั้ หลายทีถ่ ูกต้องจนช�านิช�านาญดีแล้ว ท่านได้เสริมส่วน
โกศล ผู้โด่งดังเลือ่ งชือ่ ก็เป็นศิษย์ซอสามสายของพระยา ท่วี จิ ติ รละเอยี ดออ่ นในแงข่ องทา่ นใหอ้ ยา่ งเหมาะสม จนเปน็ ท่ี
อมาตยพงศ์ธรรมพศิ าล ภมู ใิ จของทา่ นอยา่ งยง่ิ คณุ ครปู ระเวช กมุ ทุ กอ่ นท่จี ะมาเรยี น
กับท่านโดยตรง คุณครอู นันตก์ เ็ ป็นผฝู้ ึกสอนให้เป็นคนแรก
คุณครูเจ้าเทพกัญญา บูรณพมิ พ์ (ณ เชียงใหม่)
ข้าหลวงและพระญาติในพระราชชายาเจ้าดารารัศมี เป็นครู จากความทผี่ ่านมาและโดยปัจจุบัน ในบรรดานักซอ
ส�าคัญทไี่ ด้ถ่ายทอดสัง่ สอนกระบวนซอนี ้ มีผลมาถึงปัจจุบัน สามสายมนี ยั ความคดิ เปน็ สองกลมุ่ คอื กลมุ่ แรกท่ีทา� ตามแบบ
ลูกศิษย์คนส�าคัญคือ พระยาภูมีเสวิน (จิตร จิตตเสวี) ม ี โบราณท่ีครบู าอาจารยส์ ่งั สอนมาอยา่ งเครง่ ครดั ไปเทา่ นน้ั แลว้
ลูกศิษย์ทเี่ ป็นเอกอยู่หลายท่าน เช่น คุณศิริพันธ์ุ ปาลกะวงศ ์ อีกกลุ่มมีความเห็นความคิดทีม่ ีแนวโน้มว่าไม่เกินความ
ณ อยุธยา เป็นหลานตาแท้ๆ ของท่าน ศาสตราจารย์อุดม สามารถของตนทจี่ ะเรียนรู้เอง ไม่ต้องพึ่งพาสิง่ อืน่ ใด จึงมิได้
อรุณรัตน์ และอาจารย์เฉลิม ม่วงแพรศรี ศิลปินแห่งชาติ นอ้ มลงศกึ ษาท่ีเปน็ หลกั ฐานแกน่ สาร ความคดิ และการปฏบิ ตั ิ
เปน็ ต้น ของทงั้ สองกลุ่มต่างก็มีข้อดี แต่เป็นทีน่ ่าเสียดายอยู่ หากดู
ตวั อย่างที่หลวงไพเราะเสียงซอปฏบิ ตั กิ บั บตุ รชายของทา่ นดัง
ท่านเหลา่ นีเ้ ปน็ หลกั ในกระบวนซอสามสายทุกวันนี้ กล่าวมาแล้ว น่าจะทา� ให้กระบวนการซอสามสาย ซึ่งโดยตัว
อีกทา่ นหน่งึ ท่ีนา่ พศิ วงคอื คณุ ครหู ลวงไพเราะเสยี งซอ ของซอนัน้ เองมีวิธีการและน�า้ เสียงทีเ่ ป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
(อุ่น ดูรยะชีวิน) ซึง่ เป็นเอตทัคคะในบรรดาซอทงั้ หลายทกุ
ประเภท ท่นี า่ อัศจรรย ์ ทา่ นมไิ ดเ้ ลา่ เรยี นโดยตรงมาจากทา่ น สามารถด�ารงรักษาความเป็นแก่นสารและ
ผู้ใดเลย แม้แต่พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสาน- พัฒนาอารยะ สมกับเป็นของส�าคัญคู่บ้านคู่เมือง ให้
ศัพท)์ ซ่งึ เปน็ ครูใหญท่ ี่ทา่ นเคารพยกย่องอยา่ งทีส่ ดุ สถาพรสบื ไปได้
ท่านเคยเล่าว่า ครัง้ อยู่กรมมหรสพสมัยรัชกาลท ี่ ๖
ท่านเคยจับซอสามสายของหลวงมาลองสีเล่น พอดีพระยา
เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๘ 25