Page 76 - Culture3-2017
P. 76

๑                                                   ๒





               ครูค�าสอนปัจจุบันอำยุ ๗๘ ปี เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๒ ที่  เพื่อให้เกิดลวดลำยนั้น กำรทอแพรวำแบบผู้ไทจะไม่ใช้อุปกรณ์อื่นช่วย
          บ้ำนโพน ชุมชนชำวผู้ไทในอ�ำเภอค�ำม่วง จังหวัดกำฬสินธุ์ ท่ำน ไม่ว่ำเข็ม ไม้ หรือขนเม่น แต่จะใช้นิ้วก้อยจกเกำะเกี่ยว และสอดเส้น
          จึงเป็นเช่นเดียวกับหญิงผู้ไทคนอื่น ๆ นั่นคือมีโอกำสได้เห็นผู้หญิง  ไหมสีแล้วผูกปมเส้นด้ำยด้ำนบน โดยลวดลำยแพรวำจะอยู่ด้ำนล่ำง
          รุ่นแม่และย่ำยำยในหมู่บ้ำนทอผ้ำมำตั้งแต่จ�ำควำมได้  ของผืนผ้ำในขณะทอ
               “คนเฒ่าคนแก่ชาวผู้ไทบ้านโพนมีค�าสอนลูกหลานผู้หญิงว่า   ลวดลำยที่ปรำกฏบนแพรวำนั้นประกอบด้วยลำย ๓ ส่วน
          ‘ถ้าต�่าผ้ามิเป็นแจ ต�่าแพรมิเป็นฝากระตาดต้อน เล้งม้อนมิฮู้จักโต คือ ลำยหลัก ลำยคั่น และลำยช่อปลำยเชิง
          ลุกโตนอน พ่อแม่มิให้เอาโผ’ หมายความว่า ผู้สาวในหมู่บ้านโพน   ลำยหลัก คือ ลำยขนำดใหญ่ที่ปรำกฏบนพื้นที่ส่วนใหญ่ของ
          ถ้าใครทอผ้าไม่เป็น เลี้ยงไหมไม่เป็น เขาไม่ให้แต่งงาน คือพ่อแม่  ผืนผ้ำ แพรวำผืนหนึ่งมีลำยหลักประมำณ ๑๓ ช่อง แต่ละช่องมี
          ฝั่งผู้ชายเขาก็ไม่ชอบ เพราะเห็นว่าเราท�างานไม่เป็น”  ควำมกว้ำงสม�่ำเสมอกัน
               ครูค�าสอนอธิบำยพร้อมเล่ำให้ฟังว่ำ ตัวท่ำนหัดทอผ้ำตั้งแต่  ลำยคั่น หรือ ลำยแถบ เป็นลำยขนำดเล็ก กว้ำงประมำณ

          อำยุ ๑๓ ปี หลังจำกเรียนจบชั้น ป.๔ เริ่มจำกกำรทอผ้ำฝ้ำยที่เป็น ๔-๖ เซนติเมตร ท�ำหน้ำที่คั่นหรือแบ่งลำยหลักแต่ละช่อง
          ผ้ำพื้นส�ำหรับตัดชุด กระทั่งเก่งขึ้นค่อยขยับมำทอลำยผ้ำซิ่นและ   ลำยช่อปลำยเชิง คือ ลำยตรงส่วนปลำยผ้ำทั้งสองด้ำน
          ผ้ำแพรวำที่ทอยำกขึ้นตำมล�ำดับ                       ทอติดกับลำยคั่น ท�ำหน้ำที่เป็นตัวเริ่มและตัวจบของลำยผ้ำ
               แพรวำหมำยถึงผ้ำทอที่ยำว ๑ วำ หรือ ๑ ช่วงแขน ดั้งเดิม  ครูค�าสอนเล่ำว่ำในสมัยก่อนหญิงผู้ไทในหมู่บ้ำนทอผ้ำ
          เป็นผ้ำหน้ำแคบใช้ส�ำหรับคลุมไหล่หรือห่มสไบเฉียงที่ชำวผู้ไทเรียกว่ำ  กันทุกครัวเรือน แต่ละบ้ำนจะมีกี่ทอผ้ำตั้งอยู่ใต้ถุนหรือบนเรือน
          ผ้ำเบี่ยง หญิงผู้ไทมักใช้แต่งกำยในโอกำสที่ไปร่วมงำนบุญประเพณี แต่ทอส�ำหรับใช้เอง ยังไม่ได้ขำยให้พ่อค้ำผ้ำหรือคนภำยนอก
          หรืองำนส�ำคัญอื่น ๆ                                       กระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำ-
               “แพรวาจะทอยากกว่าผ้าอย่างอื่น ถ้าผ้าขิดธรรมดาจะมี ๒ สี  ภูมิพลอดุลยเดช บรมนำถบพิตร และสมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระบรม-
          แต่แพรวามีหลายสี อาจใช้เส้นไหมสี ๔-๘ เส้น” ครูค�าสอนอธิบำย  รำชินีนำถ ในรัชกำลที่ ๙ เสด็จเยี่ยมพสกนิกรชำวอ�ำเภอค�ำม่วง ครูค�าสอน
               แพรวำมีลวดลำยผสมกันระหว่ำงลำยขิดและจกบนผืนผ้ำ  และชำวบ้ำนโพนก็พร้อมใจกันแต่งกำยด้วยชุดผู้ไทไปรับเสด็จ
          กำรทอแพรวำต่ำงจำกผ้ำอย่ำงอื่นก็คือ ในส่วนกำรจกซึ่งคือกรรมวิธี   “พวกเราบ้านโพนก็แต่งตัวแบบชุดผู้ไท คือใส่เสื้อผู้ไท ซิ่นผู้ไท
          ยกเส้นด้ำยยืน แล้วสอดเส้นไหมสีซึ่งเป็นเส้นพุ่งพิเศษเข้ำไปในผืนผ้ำ ห่มทับด้วยสไบแพรวา สมเด็จพระบรมพระราชินีนาถเสด็จฯ เข้ามาหา



          74
   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81