Page 31 - Culture3-2017
P. 31
๒ ๓ ๔
หัวโขน เป็นงานศิลปะชั้นสูงที่ใช้ส�าหรับ ท�าให้สันนิษฐานได้ว่าการท�าหัวโขนของไทยน่าจะ ภาพ ๑ หัวโขนทศกัณฐ์
สวมครอบศีรษะ ปิดบังส่วนหน้าของนักแสดงโขน เริ่มต้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อยามผสานกับบทบาท
ของนาฏยศิลปิน
อย่างมิดชิด ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความประณีตเช่นเดียว และเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในสมัยพระบาทสมเด็จ- ภาพ ๒ หัวโขนพาลี พญาลิง
กับชุดโขนหรือเครื่องแต่งกายโบราณอื่น ๆ ตามแบบ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อันถือเป็นยุคทองของ เจ้าเมืองขีดขิน กายและ
ของช่างไทย มีลักษณะคล้ายหน้ากาก ทว่าแตกต่าง วรรณกรรมและนาฏศิลป์ไทย ใบหน้าเป็นสีเขียว ด้วยเป็น
โอรสแห่งพระอินทร์กับ
ตรงที่สร้างจ�าลองรูปใบหน้าและส่วนศีรษะทั้งหมด กระบวนการและแบบแผนของช่างท�าหัวโขน นางกาลอัจนา
เจาะรูตรงนัยน์ตาให้ตรงกับผู้สวมใส่ ลงสี เขียนลาย เริ่มจากการเตรียมหุ่นและแม่แบบ สมัยโบราณมักใช้ ภาพ ๓ หัวมงกุฎและหัวชฎา
ประดับประดาให้สื่อถึงตัวละครต่าง ๆ โดยเชื่อมร้อย ดินเหนียวเพื่อปั้นขึ้นรูป ปั้นใบหน้าหุ่น ช่างจะปั้น ของตัวพระและตัวนาง
มักขึ้นรูปเป็นทรงกระบอก
อยู่กับวรรณกรรมของแดนดินตะวันออกที่สืบทอดมา ดินเหนียวและเผาไฟให้สุก ใช้ไม้กลึงโกลนขึ้นรูป ด้านบนท�าเป็นจอมไว้สวม
แต่โบราณอย่างรามเกียรติ์ แบ่งเป็นหัวโขนตัวพระ ในปัจจุบันอาจใช้การท�าหุ่นต้นแบบด้วยปูนปลาสเตอร์ ยอดทรงต่าง ๆ
ภาพ ๔ เศียรพระศุกร์
ตัวยักษ์ ตัวเทวดา ตัววานรและสัตว์อื่น ๆ ที่ทั้งหมด หรือปูนซีเมนต์แทน เมื่อได้รูปหุ่นต่าง ๆ ตามต้องการ เทพประจ�าวันที่มีใบหน้า
ล้วนสร้างขึ้นด้วยเชิงช่างโบราณตามเอกลักษณ์ที่ ช่างจะเริ่มปิดหุ่นโดยใช้กระดาษสา กระดาษข่อย เป็นสีเลื่อมประภัสสร
ถูกต้องและสมบูรณ์ของศิลปะไทย ปิดทับกันหลายชั้นให้หนาจนเป็นรูปร่างหุ่นตัวที่
ส�าหรับช่างท�าหัวโขน พวกเขาสืบทอดงาน ต้องการ จากนั้นจึงบรรจงใช้มีดปลายแหลมกรีด
ช่างโบราณแขนงนี้มาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ตกทอด เปิดหัวหุ่นแล้วถอดแบบที่พอกกระดาษนั้นออกจาก
กันมาในลักษณะครูสอนศิษย์ก่อนจะเป็นแบบแผน แบบที่ขึ้นรูป หัวโขนที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างเรียกกันว่า
ในสถาบันศิลปะไทยต่าง ๆ เช่นในปัจจุบัน มีการค้นพบ กะโหลก ขั้นตอนต่อจากนี้เองที่ทักษะการปั้นของ
หัวโขนพระครูและหัวโขนทศกัณฐ์ในพระคลังหลวง ช่างท�าหัวโขนจะเพิ่มเติมลงเป็นส่วนคิ้ว ตา จมูก ปาก
ของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ * จนเด่นชัดเห็นว่าเป็นตัวพระ ยักษ์ หรือตัวละคร
* จาก สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี (ดู http://research.pbru.ac.th/web/index.
php?option=com_content&view=article&id=260&Itemid=188)
กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๐ 29