Page 110 - วารสารวัฒนธรรม ปีที่ ๕๖ ฉบับที่ ๒ เมษายน - มิถุนายน ๒๕๖๐
P. 110
๑ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
เสด็จฯ หว่านข้าวและปุ๋ยหมัก ณ บึงไผ่แขก
ต?าบลดอนโพธิ์ทอง อ?าเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
๒-๓ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
เสด็จฯ เป็นองค์ประธานเกี่ยวข้าว ณ บึงไผ่แขก
อ?าเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ ๑๔
สิงหาคม ๒๕๒๙ โดยมีนายสุขสันต์ มลิทอง
เกษตรจังหวัด ถวายงาน
๔ นายสุขสันต์ มลิทอง เกษตรจังหวัด และ
นายอารีย์ วงศ์อารยะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี
ถวายค?าอธิบายขั้นตอนการท?านาแด่สมเด็จพระบรม-
โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
๕ นายสุขสันต์ มลิทอง กับภาพที่ได้รับคัดเลือกเป็น
บุคคล ๑ ใน ๗ ภาพของโครงการตามหาบุคคลใน
ภาพพระราชกรณียกิจ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
๑ เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร
โดย กระทรวงวัฒนธรรม
มิ่งขวัญชาวสุพรรรณ ภาพที่พระองค์ทรงรดน?้ากองปุ๋ยหมักโดยมีนายสุขสันต์ มลิทอง
วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๒๘ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยนายอารีย์ เข้าเฝ้าถวายงานข้าง ๆ นั้นถูกคัดเลือกให้เป็น ๑ใน ๗ ภาพที่กระทรวง
วงศ์อารยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นผู้ว่า วัฒนธรรมได้ด?าเนินโครงการตามหาบุคคลในภาพพระราชกรณียกิจ
ราชการจังหวัดในขณะนั้น ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระบรม- สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามกุฎราชกุมาร
โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ เป็นองค์ประธานในการ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ โดย
ท?าปุ๋ยหมักจากผักตบชวาและวัชพืชต่าง ๆ เป็นปฐมฤกษ์ ในโครงการ การตามหาบุคคลในภาพแห่งความทรงจ?า ที่ได้มีโอกาสถวายงานพระองค์
รณรงค์ท?าปุ๋ยหมักเพื่อพระราชทานแก่เกษตรกรให้น?าไปปรับปรุง ในการเสด็จพระราชด?าเนินทรงงานตามท้องถิ่นภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่
คุณภาพดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ณ บ้านแหลมสะแก ต?าบล พระราชกรณียกิจอันทรงคุณค่าในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เดิมบาง อ?าเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เนื่องจากทรง ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ตระหนักว่าสภาพดินในขณะนั้นเสื่อมโทรมจากการใช้สารเคมี และ นั่นเป็นครั้งแรกที่ท่านเกษตรจังหวัดได้มีโอกาสถวายงาน
ราคาข้าวก?าลังตกต?่า อย่างใกล้ชิด แต่ไม่ใช่ครั้งเดียวเพราะในปีถัดไปพระองค์ได้เสด็จฯ
นายสุขสันต์ มลิทอง ชายร่างเล็กผู้มีท่วงท่าอันคล่องแคล่ว มาหว่านข้าวและเกี่ยวข้าวที่จังหวัดสุพรรณบุรีอีกถึง ๒ ครั้ง
กระฉับกระเฉงเกินวัย ๗๙ ปี ในชุดเสื้อคอกลมสีน?้าเงินมีตรา นายสุขสันต์ได้เล่าถึงความปลื้มปีติในเหตุการณ์นั้นว่า “โดยไม่ได้
สัญลักษณ์จังหวัดสุพรรณบุรีบนหน้าอกและข้อความสุพรรณบุรี คาดคิดว่าพระองค์จะเสด็จฯ ลงในแปลงนา แต่ก็มีการเตรียมการไว้
บนตัวเสื้อ เป็นเสื้อที่เขาเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีแม้ว่าจะผ่านกาลเวลา พร้อมเผื่อไว้ ผมได้กราบบังคมทูลว่าอาชีพท?าไร่ท?านาเป็นอาชีพหลัก
มาถึง ๓๐ ปีแล้ว เพราะเสื้อตัวนี้เป็นความทรงจ?าอันพิเศษ เขา ของบรรพบุรุษของเราสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ชาวนาเปรียบดังกระดูก
ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของเหตุการณ์ในวันนั้นว่า “พระองค์ทรงสน สันหลังของประเทศ พสกนิกรจะต้องประกอบอาชีพนี้เพราะเราเป็น
พระราชหฤทัยในการท?าปุ๋ยหมักเป็นอย่างมาก ทรงตรัสถามซักไซ้ ประเทศเกษตรกรรม การเสด็จฯ ท?านาของพระองค์นับจากนี้ประวัติ-
ถึงขั้นตอนในการท?าปุ๋ยหมักอย่างละเอียดนานเป็นชั่วโมง ผมเป็น ศาสตร์จะจารึกสืบไป เมื่อผมกล่าวจบพระองค์ก็เสด็จฯ ลงในแปลงนา
เกษตรจังหวัดก็มีหน้าที่ถวายรายงานวิธีการท?าเป็นขั้นเป็นตอนไป ผู้ที่เฝ้าถวายงานอยู่ตรงนั้นก็กุลีกุจอช่วยกันพับพระสนับเพลาขึ้น
หลังจากที่พระองค์เสด็จฯ ในวันนั้น ปรากฏว่าข้าราชการ ชาวนา วันนั้นสมเด็จพระบรมฯ ทรงฉลองพระองค์ซาฟารีสีฟ้าอ่อน เสด็จ
แม้กระทั่งพระสงฆ์ตามวัดต่าง ๆ ที่อยู่ริมน?้าตื่นตัวในการท?าปุ๋ยหมัก พระราชด?าเนินด้วยพระบาทเปล่าลุยโคลนลงมาในแปลงนา ทรงหว่าน
เป็นอย่างมาก ท?ากันจนผักตบชวาไม่มีเหลือในจังหวัดสุพรรณบุรี” ปุ๋ยหมัก และหว่านข้าว ประชาชนเรือนหมื่นเรือนแสนที่มาเฝ้าชม
๓
108