Page 9 - Culture3-2016
P. 9















































๒



๑ พืชผกั อนั อุดมสมบูรณร์ อบๆ บา้ นสามารถเก็บมาเป็นอาหารได้

๒ ผกั ผลไม้ ปลา และไข่ ยงั คงอยใู่ นสาํา รบั อาหารพน้ื บา้ นทเ่ี อรด็ อรอ่ ยของชาวไทยชนบทในทกุ ๆ มอ้ื








ปลาที่มีมากมายเหลือกินก็เอามาหมักทาน้าปลา ปลาร้า กินผกั กินผลไม้


ที่อยู่ริมแม่น้าก็ใช้ปลาสร้อยมาหมักเป็นน้าปลา ที่อยู่ใกล้ทะเล 

ก็ใช้ปลากระตกัมาทานา้ปลาช้อนกุ้งเคยมาหมักเป็นกะปิปลา “อาหารธรรมดาสาหรบัคนไทยคอืขา้วปลาผกัและผลไม”้ 

ทต่ี วั ใหญ่ขน้ึ มากน็ า มาตากแหง้ เป็นปลาเคม็ ฝรงั่ เขาถงึ กล่าวว่า 
(มงเซเญอร์ ปาลเลกวั ซ์, เล่าเรื่องกรุงสยาม, หน้า ๑๔๕)

คนสยามชอบกินปลาแห้งมากกว่าปลาสด ก็คงเป็นเพราะว่า 

ปลาสดน้ันต้องกินทันทีเมื่อจับมาได้ สมัยก่อนยังไม่มีน้าแข็ง คุณยายที่บ้านเป็นชาวกรุงเก่าอยุธยาแม้เมื่อย้ายถิ่นฐาน 

หรือตู้เย็นให้เก็บรักษาความสดกันทุกบ้านเหมือนในสมัยน้ี มาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว เมื่อไรก็ตามที่มีมะม่วงสุก ยายจะปอก 


เม่ือเหลือกินจึงทา เป็นปลาแห้งโดยการหมักเกลือแล้วตากแดด ใส่จานข้าวกินกับข้าวสวยอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ต้องมีกับข้าว 

ย่างไฟอ่อนๆ เป็นปลากรอบ หรือแขวนรมควันไว้เหนือเตาฟืน อย่างอ่ืนเลย ภาพคุ้นตาเช่นนี้เราเห็นกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร 


จนแหง้ สนทิ เพอ่ื เกบ็ ไวก้ นิ ไดน้ านๆ คนสมยั กอ่ นจงึ อาจกนิ ปลาแหง้ คนโบราณกินข้าวกับผลไม้เป็นเรื่องธรรมดา คนสมัยนี้คงนึก 

มากกว่าคนสมัยปัจจุบัน ปลาแห้งหรือปลาเค็มนี้เขาจะนาไป ไมอ่ อกวา่ มนั เขา้ กนั ไดอ้ ยา่ งไร ผลไมท้ คี่ นรนุ่ ปยู่ า่ ตายายกนิ กบั ขา้ ว 

ปง้ิ ใหส้ กุ หวิ เมอ่ื ใดกไ็ ปคดขา้ วมากนิ ไดท้ นั ที สว่ นปลากรอบกน็ า ไป นอกจากมะมว่ งสกุ แลว้ กม็ แี ตงโม แตงไทย สบั ปะรด ทเุ รยี น และ 


ตา น้า พริก ใส่ในแกง เช่น แกงเลียง หรือต้มโคล้ง
มะขาม ฤดูไหนมีอะไรก็กินอย่างน้ัน ผักและผลไม้เป็นของกิน


7
กรกฎาคม-กนั ยายน ๒๕๕๙ 



   7   8   9   10   11