Page 33 - Culture3-2016
P. 33
๒
ที่หลอมละลายในข้ันตอนการหล่อได้ไหลเข้าแม่พิมพ์ได้อย่างสะดวก รางท่ี
แทรกอยู่ภายในหุ่นถือเป็นเคล็ดลับของช่างแต่ละคนว่าจะทาได้ละเอียด
แค่ไหน ต้ังแต่รางหวั ไปจนถึงฐาน หรอื ทแี่ ตกออกไปด้านข้างอย่างรางกิง่
ความละเอยี ดของชา่ งปน้ั ลงลกึ สกู่ าร “ทาดนิ มอม” และ “ทาเทอื ก”
โดยดินมอมคือน้ายาสาหรับงานโลหะที่มีส่วนผสมของผงขี้เถ้าแกลบและผง
ดนิ เหนยี ว ชว่ ยปอ้ งกนั ผวิ หนุ่ แกนทรายมใิ หห้ ลดุ ลอ่ นขณะเทโลหะหลอมเหลว
ส่วนการทาเทือกน้ันคือการทาน้าเมือกชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของขี้ผึ้งและ
น้ามนั ยาง ซงึ่ ส่งผลในการยดึ จบั ของตัวต้นแบบงานปั้นของพวกเขา
งานขึ้นหุ่นเดินทางมาสู่ “การเข้าขี้ผึ้ง” จะปั้นรูปต้นแบบด้วยข้ีผึ้ง
ลงบนหุ่นแกนทราย จากเค้าโครงต่อยอดสู่ส่วนต่างอย่างละเอียดลออ
โดยชา่ งปน้ั ใหค้ วามสา คญั กบั การเขา้ ขผี้ งึ้ มาก พวกเขาตอ้ งชา นชิ า นาญตง้ั แต่
การมองขนาดหนาบางของแบบขณะบตุ วั หนุ่ องคพ์ ระ ขดู แตง่ ปน้ั นวิ้ พระบาท
ปั้นพระหัตถ์ติดเมด็พระศกตามเศียรตดิส่วนประกอบต่างๆพูดอย่างง่ายๆ
คือ หุ่นในส่วนของการเข้าขี้ผ้ึงเรียกได้ว่าสะท้อนภาพองค์พระพุทธรูปขณะ
เสร็จส้ินออกมาให้ช่างเหน็ได้ตรงหน้า
งานของช่างปั้นสิ้นสุดลงและส่งต่อสู่ช่างหล่ออย่างวิจิตรประณีต
ช่างหล่อเองก็มีขั้นตอนและเคล็ดลับต่างๆ ท่ีตกทอดมาแต่โบร่าโบราณ
๑ งานของช่างเททองเต็มไปด้วยความเจนจัดในเชิงช่าง
“ลม้ หนุ่ พระ”
รวมไปถึงความเชื่อความเคารพแม้ในเครื่องแต่งกายสีขาว คาสอนของบรรพบุรุษปรากฏเป็นคาอธิบายต่างๆ ตั้งแต่การ
ท่ีแสดงถึงความบริสุทธิ์
เพื่อรอการเททอง โดยนาหุ่นพระลงพิงนอนกับจะเข้ ให้รับช่วงไหล่และฐาน
๒ เตาทองที่หลอมทองเบญจพรรณจนสกุได้ที่จะถูกลําาเลียง
จากนั้นจึงเริ่มการ “สางดิน” คือ กระทุ้งเอาดินภายในฐานออก ช่างหล่อ
นํา้าทองเข้าเบ้าเพื่อขึ้นเททอง
ต้องปั้น“ปากจอก”หรอืชนวนขึ้นเพม่ิเติมสาหรบัเททอง
ทว่าก่อนถึงขั้นตอนการหล่อพระ พวกเขาต้องก่อเตาอิฐล้อมรอบ
องค์พระ จากนั้นจึงทา “กระบาน” ท่ีเป็นทางไหลออกของข้ีผึ้งท่ีตัวหุ่น
ยามหลอมละลาย เรยี กขนั้ ตอนทขี่ ผี้ งึ้ ละลายนวี้ า่ การ “สา รอกขผี้ งึ้ ” มนั เตม็
31
กรกฎาคม-กนั ยายน ๒๕๕๙