Page 34 - Culture3-2016
P. 34
ไปด้วยความเข้าใจในไฟ เข้าใจระดับความร้อน สังเกตกระทั่งเปลวไฟยาม ทกุ อยา่ งเตม็ ไปดว้ ยขน้ั ตอนอนั เครง่ ครดั ตงั้ แต่
ตัวพิมพ์ “ลุกดวง” อันหมายความว่าข้ีผึ้งภายในนั้นติดลุกเป็นเปลวไฟ การเข่ียถ่านไฟเพ่ือเปิดเตาเข้าไปเททอง เทน้าดับ
จนถึงยามลุกหมดที่เรียกว่า “ดับดวง” ไล่เลยไปจนการ “บ่ม” รอให้หุ่น ความร้อนจากถ่าน โดยต้องระวังน้ากระเซ็นโดน
ทกี่ลายเป็นแม่พมิพ์นัน้สกุ
พมิพท์รี่อ้นจดัจนแตกรา้วขนั้ตอนการถอนไฟออก
การทา งานของคนในสว่ นหลอ่ พระอยา่ งชา่ งเททองและชา่ งทานา้ ทอง จากพิมพ์เพ่ือเททองเต็มไปด้วยความชานาญของ
จงึ เรมิ่ ขนึ้ ชา่ งเททองจะรอ้ื เตาเผาออกและเตรยี มพมิ พห์ นุ่ สว่ นชา่ งทา นา้ ทอง ชา่ งเททอง พวกเขาตอ้ งแมน่ ยา ทนรอ้ น ระแวดระวงั
ก็จะเริ่มทางานไปพร้อมกันโดยการก่อเตาทองเตรียม“เบ้า”หรือภาชนะ นา้ทองที่ร้อนจัดจนอาจลวกเนื้อตัวเข้าถงึกระดูก
ที่ใช้บรรจุน้าทองอันร้อนระอุ พวกเขาหลอมทองอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วย ขณะนา้ ทองทเี่ ปย่ี มซงึ่ แรงศรทั ธาและทกั ษะ
ความร้อนหลายระดับจากส่วนผสมและการเค่ยีวน้าทองทีด่ีส่วนใหญ่มักใช้ หลากหลายของคนเททองคอ่ยไหลจากเบา้ผา่นราง
“ทองเบญจพรรณ” คือน้าทองที่หลอมมาจากโลหะใดๆ ที่มีทองเหลือง ลงสู่แม่พิมพ์ ช่างเททองต้องคอยวัดสัดส่วนของ
ผสมอยู่ ตั้งแต่ทองคาแท้ ไล่เลยไปถึงโลหะประเภทต่างๆ ตามแต่การสั่งสม น้าทองในแต่ละเบ้าที่จะส่งผลในเรื่องสีและความ
หามาได้ของแต่ละโรงหล่อ หรือการเลือกใช้ของคนว่าจ้างหล่อพระ
สกุปลั่งขององค์พระพทุธรปู
๑
32