Page 111 - Culture3-2016
P. 111



































































เครอ่ื งเทศนน้ั คณุ ไมใ่ ชแ่ คม่ เี งนิ กซ็ อ้ื ได้ คณุ ต้องมเี ครอื ขา่ ยต่างๆ
“จุดเปลี่ยนอีกคร้ังของอาหารไทยเกิดขึ้นเม่ือพริกเข้ามา 

ท่ีมีอานาจ เม่ือคุณได้กินมันก็แสดงว่าตัวคุณมีอานาจ เพราะ
ในสมัยอยุธยาตอนกลาง เพราะพริกเผ็ดกว่าพืชอ่ืนที่เรามีอยู่ 


ฉะนน้ั เรากเ็ ดาขาๆ นะวา่ ขนุ นางอยธุ ยาเองอาจอยากกนิ แกงสม้
ทงั้ หมด ความสาคญั หรอื การถกู ยอมรบั ของมนั จะเหน็ ไดว้ า่ พรกิ 

แตพ่ อชาวตา่ งชาติ แขก ฝรง่ั เขา้ มากต็ อ้ งทาอาหารเครอ่ื งเทศเลยี้ ง ยดึ ชอ่ื วตั ถดุ บิ ทมี่ รี สเผด็ เอาไปใช้ ขณะพวกนนั้ ถกู ผลกั ใหไ้ ปใชช้ อื่

เขาเพื่อให้เห็นว่าเรามีเงินซ้ือกระวานและทันสมัยเพราะเร่ือง
อน่ืเช่นเมือ่ก่อนเราเรียกพรกิไทยว่าพริกแต่พอพริกเข้ามาแล้ว 

อาหารเปน็การบรโิภคสญัญะอยา่งหนงึ่การกนิอาหารประกอบ เผด็กว่าเลยถกูเรยีกว่าพริกแทน

อาหาร หรอื เลย้ี งอาหารใครสกั คนคอื การอธบิ ายวา่ ตวั ขา้ อยตู่ รง “ที่บอกว่าพริกสาคัญเพราะพอมันมีรสเผ็ดโดดออกไป 


ตาแหน่งไหนของโลกอย่างถ้าไปอ่านบันทกึของฝรัง่ทีเ่ข้ามาใน รสอ่ืนๆของอาหารก็ต้องโดดตามไปด้วยคิดว่ารสอาหารไทย 

สมัยอยุธยา เขาเล่าว่าในวังพระนารายณ์ที่ลพบุรีเวลาจัดงาน ก่อนมีพริกเข้ามาจะต้องอ่อนมากๆ ตามวัตถุดิบที่มีอยู่ เพราะ 

เลี้ยงจะมแีกง๒๐อย่างซึ่งหน้าตาเหมอืนแกงแขกเลยที่ต้องมี ฉะนนั้เราคดิว่าพรกิเป็นกระแสโลกาภวิตันท์ท่ีาให้รสอาหารไทย 


เยอะขนาดนั้นอาจต้องการแสดงสถานะของตวัเอง
น่าจะเปลีย่นเยอะมาก”


109
กรกฎาคม-กนั ยายน ๒๕๕๙ 



   109   110   111   112   113