Page 22 - CultureMag2015-3
P. 22

การขบั ไม ้ อันเชือ่ กันวา่ เป็นต้นเคา้ ของวงมโหรี                              วงมโหรเี คร่ืองส่ี
 (ท่มี าของภาพ : หนงั สือ ต�ำนานเคร่ืองมโหรีปีพ่ าทย์ )             (ท่ีมาของภาพ : หนังสือ ตำ� นานเคร่ืองมโหรปี ีพ่ าทย์ )

จากการศึกษาและความเห็นของท่านแต่ก่อน เช่น สมเดจ็ ฯ                  เพมิ่ โทนกำ� กบั จงั หวะเขา้ มาประกอบล�ำนำ� ตา่ งๆ ผสมผเสกบั
กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ซึ่งทรงนิพนธ์ ต�ำนานมโหรี                    ขนบของเพลงพณิ  เปน็ เรอื่ งราวตา่ งๆ บา้ ง เปน็ เชงิ สงั วาสบา้ ง  
ปี่พาทย์ เป็นปฐม กระทั่ง “เครื่องดนตรีไทย” (ในหนังสือ               นับเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผสมผสานระหว่างของหลวง 
ประวัติเครื่องดนตรีไทย ต�ำนานการผสมวงมโหรีปี่พาทย์และ               กับไพร่บ้านพลเมือง ซึ่งมีชีวิตชีวาและมีความสดใหม่ด้วย
เครอื่ งสาย) ของนายธนติ  อยโู่ พธ ิ์ อดตี อธบิ ดกี รมศลิ ปากร ซงึ่  ปฏิภาณ  ตามหลักฐานภาพเขียนต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มี
รวบรวมพิมพ์เมื่อปี ๒๕๑๙ และของท่านอื่นๆ อีกหลายท่าน                 คนดีดกระจับปี่ ๑ คนสีซอสามสาย ๑ คนตีโทน (ทับ) ๑ คน
อธิบายว่ามโหรีเป็นวงดนตรีประเภทขับกล่อมประกอบการ                    ขบั ลำ� น�ำ ๑ รวม ๔ คนเปน็ ปฐม
ขับล�ำน�ำ บ�ำเรอท้าวพระยามหากษัตริย์และเจ้านายชั้นสูง 
มาแต่เดิม  นักดนตรีน้ันก็น่าจะเป็นผู้หญิง และเข้าใจกันว่า                 ต่อมามีการเพิ่มร�ำมะนา (น่าจะเป็นของมุสลิมทาง
มโหรนี นั้ พฒั นาการเคลอ่ื นคลายมาจากวงขบั ไม ้ ประกอบการ           ตะวนั ออกกลาง) คกู่ บั โทน  เพม่ิ เครอื่ งเปา่ คอื ขลยุ่  ๑ เลา  คน
สรรเสริญสวดบูชาพระผู้เป็นเจ้ามหาเทพต่างๆ และเป็นบท                  ขับล�ำน�ำนั้นตีกรับประกอบจังหวะอีกด้วย  มีฉิ่งเป็นเคร่ือง 
ร�ำพันถึงพระบุญญาบารมีของท้าวพระยามหากษัตริย์ อัน                   ตีก�ำกับจังหวะที่ท�ำด้วยโลหะอีกคู่ เป็น ๖ คน รวมทั้งคนขับ
เป็นพระราชประเพณีสมโภชต่างๆ ของหลวง เช่น สมโภช                      บรรเลงเป็นท�ำนองประกอบการขับล�ำน�ำและรับเป็นท�ำนอง
พระเศวตฉัตร สมโภชช้างเผือก สมโภชลงพระอู่เจ้านาย                     ดนตรตี ามชว่ งและวรรคตอนทเี่ หมาะสม เพอ่ื ขบั กลอ่ มบำ� เรอ
ช้ันเจ้าฟ้า ฯลฯ ประกอบด้วย คนขับ ๑ คน คนสีซอสามสาย                  ทา้ วไทเมอ่ื ไสยาเปน็ หลกั   สว่ นทจ่ี ะทรงพระส�ำราญในเวลาท่ี
๑ คน คนไกวบัณเฑาะว์ ๑ คน เปน็ ข้าราชบรพิ ารผู้ชาย                   ไม่บรรทมคงเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย ดังมีหลักฐานใน
                                                                    เพลงยาวต�ำรามโหรี ซ่ึงบอกช่ือล�ำน�ำระเบียบการเรียบเรียง
      เมื่อประกอบเป็นวงมโหรีชั้นแรก เพิ่มคนดีดพิณซึ่ง               เพลงถึง ๑๓๗ เพลง  ช่ือเพลงบางเพลงยังมีกลิ่นอายของ 
แตเ่ ดมิ ขบั ลำ� นำ� ไปดว้ ย เหมอื นหนมุ่ สาวชาวบา้ นลา้ นนาขบั ซอ  “แขก” อยู่รางๆ เช่น อรุ่ม ยิกิน เนระคันโยค เนระปาตี
ดีดพิณ (ซึง) ด้วยตนเองคนเดียว หรือนาฏกุเวรคนธรรพ์                   เป็นต้น น่าจะเป็นต้นของเพลงมโหรีซึ่งมีซอสามสายอันเป็น
ครวญล�ำน�ำกับพิณเย้ยพญาครุฑในเร่ือง กากี แทนที่จะเป็น               วัฒนธรรมร่วมกับทางมุสลิมตะวันออกกลาง มาจนมลาย ู
เรื่องการร�ำพันสรรเสริญแบบวงขับไม้  ยกบัณเฑาะว์ออกไป                ชวา  จากนนั้ ยงั ปรากฏชอ่ื เพลงญป่ี นุ่  ขอม มอญ คละเคลา้ อย ู่

20 วฒั นธ รม
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27