Page 102 - CultureMag2015-3
P. 102

ลายดอกโบต๋นั บนเครื่องถว้ ยจนี

      นา่ สนใจวา่ ดอกโบตน๋ั จากจนี ไดข้ า้ มขนุ เขา ปา่ ทบึ  และ        ในอาณาจกั รกมั พชู าแตโ่ บราณ ปราสาทคอื การจำ� ลอง 
ท้องทะเลอันแสนไกล มาแพร่หลายอย่างกว้างขวางในศิลปะ                 วมิ านของเทพบนสวรรคม์ าประดษิ ฐานบนพน้ื โลก  เราพบวา่
ของชาวอษุ าคเนยด์ ว้ ย  โดยเฉพาะภาคพนื้ ทวปี ในกลมุ่ คนทม่ี ี     ช่างขอมสลักภาพดอกโบตั๋นไว้มากมายตามปราสาทหินสมัย
วัฒนธรรมทางพุทธศาสนา ทั้งนิกายเถรวาทและมหายาน                     พุทธศตวรรษท่ี ๑๘ ท้ังในเมืองพระนคร และพื้นที่ใกล้เคียง
โดยแต่ละแห่งมีการสร้างความหมายใหม่ให้แก่ดอกโบต๋ัน                 นบั วา่ นา่ แปลก เพราะรากเหงา้ ของปราสาทขอมหรอื  “ปรางค”์
อย่างทไ่ี ม่เคยปรากฏในวัฒนธรรมจีนด้วย                             น้ันมีที่มาจากศิลปะอินเดีย แต่ช่างขอมกลับเลือกเอาดอก
                                                                  โบตั๋นจากศิลปะจีนมาประดิดประดอยเป็นดอกไม้ทิพย์บน
      ชาวเวียดนามซ่ึงใกล้ชิดกับคนจีนมากกว่าใครใน                  สรวงสวรรค์ของทวยเทพ 
อุษาคเนย์ ด้วยมีพรมแดนติดกับจีนทางด้านทิศเหนือและ 
เคยอยู่ใต้การปกครองของจีนมายาวนาน  ถึงกับท�ำเครื่อง                     หลังอาณาจักรกัมพูชาแต่โบราณ ณ เมืองพระนคร
ถ้วยลายครามลายดอกโบตั๋น ในรูปแบบที่ละม้ายกับเครื่อง               เส่ือมอ�ำนาจลง ในดินแดนท่ีเป็นประเทศไทยปัจจุบัน   
ลายครามจีนสมัยราชวงศ์หยวน ในช่วงพุทธศตวรรษท่ี ๒๐–                 แวน่ แควน้ ของกลมุ่ คนทใี่ ชภ้ าษาไทย อนั ไดแ้ ก ่ สโุ ขทยั  ลา้ นนา
๒๑                                                                และอยุธยา เจริญข้ึนแทนที่  เราพบลวดลายดอกโบตั๋น
                                                                  เทคนิคแกะลายเส้น บนแผ่นหินชนวนเพดานอุโมงค์วัดศรีชุม
      อย่างไรก็ตามเราไม่อาจสรุปง่ายๆ ว่าผู้คนในดินแดน             เมืองสุโขทัย อายุราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ ในลักษณะของ
อุษาคเนย์เป็นเพียงนักลอกเลียนแบบท่ีปราศจากความคิด                 ดอกไม้ทิพย์ อยู่ท่ามกลางตัวภาพเทวดาท่ีปรากฏอิทธิพล
ของตนเอง                                                          ศิลปะลังกาอยา่ งเตม็ ท่ี 

100 วัฒนธ รม
   97   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107