Page 54 - CultureMag2015-3
P. 54

สารทเดือน ๑๐ ถือเป็นงานบุญใหญ่ท่ีสุดในรอบปีของ                       ท�ำกันเองในชุมชนด้วยวัสดุง่ายๆ ข้ึนโครงด้วยไม้
พุทธศาสนิกชนในภาคใต้  ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าทำ� กัน
มาตั้งแต่เม่ือใดและเริ่มขึ้นที่ไหน รู้แต่ว่าเป็นประเพณีท่ีมีมา       ระก�ำหรือไม้เนื้ออ่อนน้�ำหนักเบา ปิดประดับด้วยกระดาษสี
ช้านานและท�ำกันท่ัวภาคใต้ โดยที่เมืองนครศรีธรรมราชเป็น 
ที่รู้จักและลือเล่ืองมากที่สุด  ทั้งนี้อาจเน่ืองจากเมืองนครฯ         แกะลวดลายสอดสลับสี ตกแต่งด้วยร้ิวกระดาษ ลูกปัด และ
เคยเป็นอาณาจักรท่ีรุ่งเรืองมาแต่อดีตและเป็นแหล่งส�ำคัญ 
ของพุทธศาสนาซึ่งรับมาจากอินเดีย รวมทั้งการทำ� บุญสารท                ดอกไมป้ ระดษิ ฐ ์ ฯลฯ อยา่ งวจิ ติ รแพรวพราว  เปน็ ประดษิ ฐกรรม 
เดือน ๑๐
                                                                     ทเี่ กดิ จากการรว่ มแรงรว่ มใจของคนทงั้ ชมุ ชน ทส่ี บื ทอดกนั มา
       สารท เป็นค�ำบาลี อินเดียใช้เรียกฤดูใบไม้ร่วง และ
หนง่ึ ในวถิ ปี ฏบิ ตั ใิ นฤดสู ารทของพวกพราหมณใ์ นอนิ เดยี ตงั้ แต่  แต่โบราณกาลถงึ คนรนุ่ นี้
ยุคก่อนพุทธกาลคือประเพณีเปตพลี  แม้เม่ือหันมานับถือ
พุทธศาสนาในยุคพุทธกาลแล้วก็ยังคงปฏิบัติประเพณีนี้อยู ่               เป็นธรรมเนียมชีวิตสืบต่อกันมายาวนาน ถึงวันงาน
พระพุทธองค์ทรงเห็นว่าเป็นประเพณีที่แสดงออกถึงความ
กตัญญูกตเวทีและยังความสุขแก่ผู้ปฏิบัติ จึงทรงอนุญาตให้               บญุ เดอื น ๑๐ ลกู หลานจะอยใู่ กลไ้ กลในถน่ิ ไหนกต็ อ้ งกลบั มา
ประกอบประเพณีนี้ต่อไป  การท�ำบุญสารทเดือน ๑๐ ของ 
ชาวพุทธจึงเกิดข้ึนและถือปฏิบัติสืบต่อมาจนปัจจุบัน                    บา้ นเพอื่ ไปท�ำบญุ ทวี่ ดั กบั คนในครอบครวั  เตรยี มการตอ้ นรบั

       ตามคติความเช่ือว่าบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปเป็นเปรต               ดวงวญิ ญาณผจู้ ากไปอยา่ งพร้อมพรักและประณีตทสี่ ดุ
อยใู่ นนรกจะไดร้ บั อนญุ าตจากพญายมใหก้ ลบั มาหาลกู หลาน
ญาติพ่ีน้องของตนได้ปีละครั้ง ในช่วงวันแรม ๑ ค่�ำ ถึงแรม              ขนมส่ีอย่างหลักที่จะน�ำไปวัด ล้วนส่ือความหมาย
๑๕ ค่�ำ เดือน ๑๐  พุทธศาสนิกชนชาวปักษ์ใต้จึงจัดให้มีการ
ท�ำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณปู่ย่าตายายที่จากไป              ขนมลาโดยนยั ถึงผู้รบั   เส้นสายของแป้งข้าวกับน�้ำตาลท่ีผ่าน
อยู่ในปรโลกอย่างเต็มกำ� ลัง
                                                                     กรรมวิธีการโรยเส้นทอดสานกันเป็นตาข่าย สื่อความหมาย
       ประกอบกับช่วงเดือน ๑๐ เป็นเวลาที่พืชผลเกษตร
ก�ำลังให้ผลผลิต การท�ำบุญด้วยการน�ำพืชผลไปถวาย                       แทนแพรพรรณเคร่ืองนุ่งห่ม  และอีกนัยหน่ึงว่าวิญญาณ
พระสงฆ์เพ่ือเป็นสิริมงคลแก่ตนและครอบครัว ยังนับเป็น
โอกาสในการได้แสดงความช่ืนชมยินดีกับผลิตผลทางการ                      บรรพบรุ ษุ ทไ่ี ปเปน็ เปรตนนั้ ปากเลก็ เทา่ รเู ขม็  ไมอ่ าจกนิ อาหาร
เกษตร และเป็นการอ�ำนวยประโยชน์ในด้านปัจจัยอาหารแก่
พระภิกษุสงฆ์ ซ่ึงในช่วงฤดูฝนพระไม่สามารถออกบิณฑบาต                   ขนมพองเปน็ ชิน้ เป็นคำ� ได ้ ก็จะได้กนิ ขนมทเี่ ป็นเส้นเล็กๆ แบบน้ี
ไดส้ ะดวก                                                                                 ทำ� จากขา้ วเหนยี วนงึ่ กดลงแมพ่ มิ พ์
                                                                     รูปวงกลม รูปพระจันทร์เสี้ยว รูปข้าวหลามตัด ฯลฯ ตากจน
       โดยในแต่ละถ่ินจะมีรูปแบบการจัดส�ำรับไปท�ำบุญ 
ทีว่ ัดในแบบของตนที่แตกต่างกันไป                                     แหง้ กรงั แลว้ ทอดในนำ�้ มนั รอ้ นๆ จนพองฟแู ตย่ งั คงรปู เดมิ  วา่

       ในแถบกระบ่ีและพ้ืนที่ต่อแดนโดยรอบ มีการท�ำ                    ขนมบ้าจะเปน็ เสมอื นแพทจี่ ะพาวญิ ญาณบรรพบรุ ษุ ขา้ มหว้ งมหรรณพ
ส�ำรับใส่ของไปท�ำบุญที่วัดที่เป็นรูปแบบเฉพาะของท้องถิ่น                                 ใช้แป้งข้าวเหนียวคลุกกับน�้ำเชื่อมปั้น
ซึง่ เรยี กกนั ว่า “จาด” สำ� หรบั หามแหไ่ ปท�ำบุญในวนั งาน           เป็นรูปแบนๆ เหมือนลูกสะบ้า ทอดแล้วมีน้�ำมันเกาะเย้ิมล่ืน

                                                                     เปน็ มนั  วา่ ใหเ้ ปน็ ลกู สะบา้ ทบ่ี รรพชนในปรโลกจะไดใ้ ชเ้ ลน่ กนั

                                                                     ขนมดีซ�ำในวันสงกรานต์       วิธีท�ำคล้ายขนมบ้า เพียงแต่ใช ้

                                                                     แป้งข้าวเจ้า และเม่ือปั้นเป็นลูกแล้วกดกลางให้ทะลุเป็นวง

                                                                     เหมอื นกำ� ไล ทอดในนำ�้ มนั ใหมๆ่  พอแปง้ สกุ จะพองและลอย

                                                                     ข้ึน เป็นสีขาว เหลือง ไปจนถึงสีนำ้� ตาลอ่อนๆ เหมือนเคร่ือง

                                                                     ประดบั หลากสีส�ำหรบั ผู้มารบั ส่วนบุญ

                                                                     รวมทั้งขนมทอดมัน ขนมจู้จุน ฯลฯ ท้ังหลายน้ีล้วน

                                                                     เปน็ ขนมของเทศกาลบุญเดือน ๑๐

                                                                     โดยทั้งหมดจะรวมกับผัก ผลไม้ ที่สามารถเก็บไว้

                                                                     ประกอบอาหารได้นานๆ อาทิ มะพร้าว น้�ำเต้า (ฟักทอง) 

52 วัฒนธ รม
   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59