Page 19 - CultureMag2015-1
P. 19
< “ชี้ทางบรรเทาทกุ ข์
และชส้ี ุขเกษมศานต”์
ศาสนาคือเครอื่ งยึดเหน่ียวจติ ใจ
ในทุกโมงยาม
บทอาขยานบทน้จี งึ กลายเปน็ ปจั จยั สา� คญั ในการฟน้ื ฟู บางคนอาจมองว่านโยบายค่านิยมหลัก ๑๒ ประการ
ปลุกชีพขนบการท่องอาขยานทเี่ คยปฏิบัติในโรงเรียนทวั่ ดเู หมอื นเปน็ เร่อื งของเดก็ ๆ เพราะเน้อื หาหลายขอ้ เชน่ กตญั ญู
ราชอาณาจกั รต้ังแตย่ คุ ทศวรรษ ๒๔๗๐ มาจนถงึ ตน้ ทศวรรษ ต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียน
๒๕๒๐ ให้แพรห่ ลายอกี ครั้งหนง่ึ มีระเบียบ วินัย เคารพผู้ใหญ่ และรักษาร่างกายและจิตใจให้
เข้มแข็ง ก็ดูเหมือนเป็นข้อปฏิบัติส�าหรับเด็ก โดยเฉพาะวิธี
นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขา การทีน่ �าไปแต่งเป็นอาขยานหรือบทเพลง ก็ดูจะเป็นไปใน
วรรณศิลป์ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ มติชน ฉบับวันที ่ ๒๒ ท�านองเดียวกับเพลง “หน้าทขี่ องเด็ก” ทรี่ ้องกันมาตั้งแต่ยุค
กันยายน ๒๕๕๗ กล่าวช่ืนชม พรอ้ มเสนอแนะทรรศนะว่า ก่อน ปี ๒๕๐๐ ว่า “เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าทสี่ ิบอย่างด้วย
กัน...”
“แนวคดิ ของพลเอกประยทุ ธใ์ หน้ า� คา่ นยิ มหลกั คนไทย
๑๒ ประการมาแต่งเป็นบทอาขยานเป็นเรื่องทีด่ ี แต่ควรจะมี แต่ก็คงมิใช่เรือ่ งเสียหาย หากคนไทยทุกหมู่เหล่า
การแต่งให้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์โคลงกลอน เพราะเท่าทีด่ ู ทุกเพศทกุ วัย ตัง้ แต่ผู้บริหารบ้านเมือง ไปจนถึงเด็กๆ จะได้
กลอนท่ีเผยแพรอ่ อกมายงั มคี วามไมถ่ กู ตอ้ งในเรอ่ื งสมั ผสั นอก รว่ มกนั ยดึ ม่นั ในคา่ นยิ มท่ดี ี เนน้ หนกั ในเรอ่ื งการพฒั นาตนเอง
สมั ผสั ในอยหู่ ลายคา� ดงั นน้ั หากอยากใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรแู้ ละเกดิ ทงั้ ด้านความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม เล็งเห็น
การซึมซับ ก็ควรแต่งให้มีความถูกต้องคล้องจอง เพื่อให้เด็ก คณุ คา่ ของประชาธิปไตย ยดึ หลกั กฎหมาย คา� นงึ ถงึ ผลประโยชน์
ไดจ้ ดจา� และเขา้ ใจในความสวยงามของภาษาไทยท่ไี ดม้ าตรฐาน ส่วนรวมมากกว่าเรือ่ งส่วนตน เหล่านีย้ ่อมสรรค์สร้างความ
อย่างแท้จริง” ดีงามให้เกิดขึน้ ทงั้ ต่อกาย วาจา และจิตใจของผู้ประพฤติ
ปฏบิ ตั ิ เปน็ คณุ ประโยชนแ์ กเ่ พ่อื นรว่ มชาตทิ ุกคน ท�าใหส้ งั คม
สง่ิ สา� คญั ท่พี ลเอก ประยทุ ธ ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี เกดิ ความสงบสุข เจริญกา้ วหน้ายง่ิ ๆ ข้ึนไป
และหวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาต ิ (คสช.) เนน้ ย้า� เกย่ี ว
กับค่านิยม ๑๒ ประการ ดังทปี่ ระกาศในรายการ “คืนความ อย่างไรก็ดีล�าพังการท่องจ�าเป็นนกแก้วนกขุนทอง
สขุ ใหค้ นในชาต”ิ เมอ่ื วนั ท่ ี ๑๐ ตลุ าคม ๒๕๕๗ ท่ีผา่ นมา กค็ อื ย่อมไม่มีความหมายใดๆ ถ้าไม่น�าไปสู่การปฏิบัติจริงในชีวิต
ประจา� วนั
“อยากให ้ คสช. รฐั บาล ทกุ สว่ นราชการ หนว่ ยงานท้ัง ดงั นน้ั ในทา้ ยทส่ี ดุ แลว้ สงั คมยอ่ มจะเปน็ ผตู้ ดั สนิ
ภาครฐั และเอกชน ดา� เนนิ การเร่อื งการปลกู ฝงั คา่ นยิ มอยา่ งตอ่ ว่าค�าขวัญ รัฐนิยม หรือค่านิยมอย่างใด จะยืนยง
เนอ่ื ง ซง่ึ อาจจะตอ้ งใชเ้ วลายาวนาน แตเ่ ราหวงั วา่ การผลกั ดนั ไดร้ บั การประพฤตปิ ฏิบตั ิ และสืบทอดเป็นวัฒนธรรม
เรือ่ งค่านิยมไทย น่าจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการปฏิรูป สู่คนรุ่นต่อๆ ไปในที่สุด
ประเทศไทย การสรา้ งอนาคตใหแ้ กค่ นในชาตติ อ่ ไป ส่งิ สา� คญั
กค็ อื จะตอ้ งชแ้ี จงความหมาย และขอ้ ปฏบิ ตั ใิ หเ้ ดก็ และเยาวชน
เข้าใจ โดยอาศัยพ่อแม่ ผู้ปกครอง ร่วมเป็นผู้เสนอแนะ และ
สร้างความรู้ดว้ ย”
มกราคม-มีนาคม ๒๕๕๘ 17