Page 20 - วารสารวัฒนธรรม ปีที่ ๕๖ ฉบับที่ ๑ มกราคม - มีนาคม ๒๕๖๐
P. 20
ทศพิธราชธรรมในข้อที่เรียกว่า มัทวะ หรือความสุภาพ ภาพนี้นับเป็นภาพที่ประจักษ์กันทั่วไปในพระราชจริยวัตร
อ่อนโยนจะหาไหนเท่าพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ไม่ได้แล้ว ดังจะ ที่อ่อนโยนมีเมตตาและมีไมตรียิ่งต่อเหล่าพสกนิกร พระบาทสมเด็จ
เห็นได้จากภาพประวัติศาสตร์ที่ทรงโน้มพระองค์ไปรับดอกบัวกับ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรง
หญิงชราคนหนึ่งที่จังหวัดนครพนมเมื่อกว่า ๖๐ ปีก่อน ตั้งมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรมตลอดมาอย่างแท้จริง
ค?าว่า ทศพิธราชธรรม หมายถึง ธรรม ๑๐ ประการที่พระเจ้าแผ่นดินทรงประพฤติเป็น
หลักธรรมประจ?าพระองค์เป็นคุณธรรมของพระมหากษัตริย์หรือของผู้ปกครองบ้านเมืองมี ๑๐
อย่าง คือ ทาน ศีล บริจาค อาชวะ มัทวะ ตบะ อักโกธะ อวิหิงสา ขันติ อวิโรธนะ
นักปราชญ์ว่าตามปกติพระมหากษัตริย์ไทยในระบอบ แต่สมัยสุโขทัยจนสมัยอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ ถึงแม้ว่าในสมัย
สมบูรณาญาสิทธิราชนั้น แม้ว่าจะอยู่เหนือกฎหมายแต่ส่วนใหญ่ อยุธยาจะรับเอาลัทธิเทวราชมาจากเขมรที่ว่าพระมหากษัตริย์คือ
ก็อยู่ในกรอบแห่งราชธรรมทั้ง ๑๐ ประการนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็น เทพเจ้าองค์หนึ่ง แต่ก็ต้องทรงปฏิบัติพระองค์อยู่ใต้กฎหมายของ
“พระธรรมราชา” ตามหลักพุทธศาสนา ธรรมศาสตร์นี้ทั้งที่เป็นเทวราช
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้กล่าวถึงความเป็นมาของ นั่นก็คือหน้าที่ที่พระมหากษัตริย์ต้องถือเอาความสุขของ
ทศพิธราชธรรมหรือว่าหลักธรรม ๑๐ ประการนี้ว่ามาจากต?ารา ราษฎรเป็นใหญ่เหนือสิ่งใดทั้งสิ้น
ธรรมศาสตร์ ที่อาศัยหลักธรรมจากศาสนาพุทธในการก?าหนด “พระธรรมราชา” ในคติของศาสนาพุทธตามที่ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์
อ?านาจ และการปฏิบัติตนของพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีมานานแล้ว ปราโมช ได้กล่าวถึงไว้ก็คือ พระราชาหรือพระมหากษัตริย์ต้องถือ
18