Page 63 - Culture3-2016
P. 63

































๒


๑ ขา้ วหลามนยิ มทาํา กนั 

ทงั้ ขา้ วเหนยี วขาวและ 

ขา้ วเหนยี วดาํา

๒ ขา้ วหลามแสดงถงึ
ภมู ปิ ญั ญาในการทาํา 

อาหารและถนอมอาหาร 

จากตน้ ไผ่
๓ หลงั จากถากเปลอื กนอก 

ออกแลว้ กจ็ ะเหลาเปลอื ก 

ใหบ้ างลงอกี ครง้ั เพอ่ื ให้ 
งา่ ยตอ่ การปอกออก








๓






แล้วใช้กาบมะพร้าว ฟืน และเศษไม้ไผ่ที่เหลือจากการทา ท้ังยังเพ่ิมทางเลือกให้แก่ลูกค้า หลายร้านจึงคิดค้นสูตร 


กระบอกข้าวหลามมาสุม หรือตั้งบนเตาตะแกรงเหล็กซ่ึงทา ขา้ วหลามใหมๆ่ ออกมามากมาย ไม่วา่ จะเปน็ ขา้ วหลามบะ๊ จ่าง 

เป็นรางตะแกรงเหลก็เหมอืนจวั่หลงัคาบา้นและสมุไฟตรงกลาง ขา้วหลามกะเพรากงุ้ขา้วหลามเขยีวหวานขา้วหลามพะแนงทะเล 


เพอ่ื วางกระบอกข้าวหลามแบบเอยี ง หรอื หากเปน็ ทางอสี านจะ ข้าวหลามต้มยา กุ้ง ข้าวหลามไก่กระเทียม ข้าวหลามไส้สังขยา 

พบว่าวางเผาในแนวนอนบา้ ง ปจั จบุ นั การเผาแบบฟนื เรม่ิ ลดลง ข้าวหลามแปะก้วย ข้าวหลามเผือก ข้าวหลามลาไย ฯลฯ 

เพราะฟืนหายากจึงเร่ิมเปลีย่นมาเผาแบบเตาแก๊สแทนเพราะ หรือช่วงไหนมีผลไม้ตามฤดูกาลออกมามากก็นามาทาไส้ 


สามารถเบาไฟเร่งไฟได้ตามต้องการ และใช้เวลาไม่นาน
เช่น ลาไย ทุเรียน เป็นต้น แต่ดูเหมือนว่าสูตรข้าวหลาม 

สตู รความอรอ่ ย
จะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีผู้ทดลองทาสูตรใหม่อยู่ 

สูตรดงั้เดิมคือไส้ถว่ัดาไส้เผือกต่อมามีการพฒันาสูตร เสมอเช่นข้าวหลามสูตรปลาร้าที่ใส่ลงในกระบอกพร้อม 


เพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยและรสนิยมการกินท่ีเปล่ียนแปลง
ข้าวเหนยีว


61
กรกฎาคม-กนั ยายน ๒๕๕๙ 



   61   62   63   64   65