Page 84 - Culture1-2016
P. 84
เดียวกัน ปัจจุบันชนบทอาจจะยังมีเรื่องขัดแย้งจากการเมือง
อยู่บ้าง รวมทั้งเรื่องการเขียนการอ่านเป็นเรื่องไม่สําาคัญ เมื่อ
เทียบกับเรื่องต้องการมีอยู่มีกิน ฉะนั้นการสร้างจิตสําานึก
เพื่อส่วนรวม บางครั้งจึงเป็นเรื่องเจ็บปวด
กวนี พิ นธข์ องคณุ เปน็ บนั ทกึ สะทอ้ นเรอื่ งราวตา่ งๆ
ทสี่ ะดดุ ใจ คลา้ ยภาพเขยี น มเี ทคนคิ ในการเขยี นหรอื
การวางพล็อตกอ่นหรอืไมอ่ย่างไร
ในการเขียนกวีส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยมีพล็อต เช่น
เรามีภาพโครงสร้างว่าจะพูดถึงแม่ พูดถึงผ้าพันคอจากแม่ที่
เราใช้อยู่ หรือเวลาเดินทาง ในกระเป๋าเดินทางของเรามีวัตถุ
ที่แม่ให้มา ระหว่างร้อยกรองไป เราจะกล่อมเกลาคําาให้เป็น
ไมม่ปีญัหาแบบนใี้นสมยัทเี่ราเปน็เดก็เมอื่สถานการณ์ ไปตามที่เราต้องการโดยส่วนใหญ่ผมจะไม่ด้นไปตามความ
เปน็ เชน่ นี้ ตอ่ ใหเ้ รารกั บา้ นเกดิ ยงั ไงกย็ ากทกี่ ลบั ไปอยู่ ผมเคย เคยชิน จะพยายามสร้างคําาใหม่ จะเลี่ยงใช้คําาที่เคยใช้ซ้ําาๆ
มีความคิดจะกลับไปอยู่บ้าน ไปปลูกบ้านบนดอย (กลางทุ่ง) พยายามเตือนตัวเองตลอดว่าอย่าให้ยากไป หรือง่ายจน
เลี้ยงปลา แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว...ต้องขอยกบางวรรคใน เหมือนไม่ได้คิดอะไร พอจะพูดได้ว่า หนึ่ง เลี่ยงความเชย
มา้กา้นกลว้ยมาอธบิายความรสู้กึนนั่คอื“กลบัไมไ่ดไ้ปไมถ่งึ” สองเลี่ยงสตูรสําาเร็จที่คนอื่นเขาเขียนมาสามพยายามสร้าง
ผมไมส่ ามารถเปน็ คนเมอื ง ๑๐๐% ได้ ขณะเดยี วกไ็ มส่ ามารถ จังหวะลีลาใหม่ๆ อยู่เสมอ
กลบั ไปเปน็ คนชนบท ๑๐๐% ไดเ้ หมอื นเดมิ อกี แลว้ เลยกลาย ผมจะสรา้ งจงั หวะใหมใ่ นความรสู้ กึ ตวั เอง คนอนื่ จะเคย
เป็นว่าปัจจุบันสถานะชีวิตผมเปลี่ยนจากคนชั้นล่างยากจน ทาํา มากอ่ นหรอื ไม่ ผมไมแ่ นใ่ จ แตผ่ มจะสรา้ งจงั หวะเสมอ เชน่
มาอยู่ในชนชั้นกลาง มีรถยนต์ มีบ้าน มีครอบครัว แต่ไม่ได้ “เถดิ เพอ่ื นรกั เราจะพกั เพลงรบ” มี ‘รกั ’ และ ‘พกั ’ สมั ผสั กนั
ทิ้งบ้านเกิด ยังกลับไปหาแม่หาพี่น้อง ซึ่งไม่ว่าจะทุกข์สุข ตอ่ ดว้ ย “หลงั ซากศพ แตล่ ะศพ ผา่ นกลบฝงั เถดิ เพอื่ นเอย๋
อย่างไรพวกเขายังคงทาํา ไร่ทําานา มีชีวิตตามปกติที่เคยเป็นมา เราจะเผยสงิ่ เคยพลง้ั ทบทวนเพลงความหลงั ฟงั อกี เพลง”
และดาํารงอยไู่ด้ดงันนั้เองเราจงึมสีายใยซงึ่ตดัไมข่าดไมท่งิ้บา้น บทนี้คือ“คาําร้องทําานองของความรกั”อยู่ในม้าก้านกล้วย
หรอื ขายที่ ผมมมี รดกมที ดี่ นิ ทบี่ า้ นนอกซงึ่ ยกใหน้ อ้ งสาวทําานา นนั่ แหละ แสดงใหเ้ หน็ วา่ ผมพยายามสรา้ งจงั หวะใหม่ สระอะ
เราชว่ ยออกทนุ แลว้ เราไปรบั ขา้ วมากนิ คอื ยงั ตดั สายใยชนบท สระเอย เวลาอ่านออกเสียงจะไพเราะขึ้น
ไม่ได้ และไม่มีเหตุอะไรให้ต้องตัด เพราะเรายังรักหมู่บ้าน
ผมมักจะสร้างบุคลิกกลอนของผมให้แตกต่างออกไป
ทกุ วนั นสี้ งั คมเปลยี่ นแปลงไปมาก แตผ่ มคดิ วา่ คณุ ภาพ เช่น เมื่อปี ๒๕๓๔ ผมทําางานร่วมกับพี่ธีรภาพ โลหิตกุล คือ
ของวฒั นธรรมในระดบั หนงึ่ ยงั คงแขง็ แรง อยา่ งเชน่ คนชนบท บรรยายภาพถ่ายของพี่ธีรภาพด้วยบทกวี แทนที่จะเขียนยาว
ที่ไปอยใู่ นเมือง พอถึงวันสําาคญั เชน่ ปใี หม่ สงกรานต์ วนั ไหว้ เป็น ๑๐-๒๐ บท ผมเขียนเพียง ๔ บทจบ เพราะต้องการ
ผีปู่ย่า เขาก็กลับบ้าน แม้รถจะติดแค่ไหน บางคนอยู่โรงงาน มองไปที่ภาพแล้วพูด คล้ายๆ กับเพลง ๔ ท่อนจบ ฉะนั้น
ในกรงุ เทพฯ หรอื แถวระยอง พอถงึ งานบญุ จดั ผา้ ปา่ ทบี่ า้ นเกดิ กลอนผมในระยะหลังจึงมักจะเป็น ๔ บทจบ ทดลองเขียน
เขามาร่วมด้วย อันนี้เป็นความเข้มแข็งอย่างหนึ่ง แต่ขณะ
ในเฟซบุ๊ก ตั้งใจจะเขียนให้ดีที่สุดใน ๔ บทจบ พอโพสต์ไป
82