Page 39 - may53

Basic HTML Version

๓๗
ด้
วยพื้
นดิ
นแอ่
งนี้
มี
ลั
กษณะของดิ
นที่
สามารถอุ้
มน้ำ
�ทำ
�ให้
เหมาะสมกั
บการเพาะปลู
กข้
าวได้
และมี
จำ
�นวนน้ำ
�ฝนที่
ตกชุ
เกิ
นกว่
า ๑,๒๕๐ มิ
ลลิ
เมตรต่
อปี
ซึ่
งเหมาะสำ
�หรั
บที่
ราบขั้
บั
นไดขั้
นต่ำ
�ใกล้
แม่
น้ำ
�ลำ
�ธาร และชนิ
ดของดิ
สิ
นค้
าที่
ชุ
มชนแต่
ละแห่
งใช้
แลกเปลี่
ยนกั
นนั้
นคื
แร่
ทองแดง แร่
ดี
บุ
ก และแร่
เกลื
อ ที่
ใช้
รั
กษาเนื้
อสั
ตว์
และ
อาหาร มี
แหล่
งเกลื
อหลายแห่
งในบริ
เวณรอบหนองหาน และ
กุ
มภวาปี
ซึ่
งมี
อายุ
๒,๕๐๐-๒,๐๐๐ ปี
มาแล้
ว เป็
นยุ
คที่
ชุ
มชน
กสิ
กรรมได้
มี
การขยายตั
วมากขึ้
นกว่
าสั
งคมกสิ
กรรมในระยะ
แรกเมื่
อ ๖,๐๐๐-๓,๐๐๐ ปี
มาแล้
แหล่
งโบราณคดี
ของสั
งคมกสิ
กรรมที่
สำ
�คั
ญในช่
วง
๓,๐๐๐-๒,๐๐๐ ปี
มาแล้
วนั้
นตั้
งอยู่
ทางตอนใต้
ของอี
สาน
เรี
ยกว่
า แอ่
งโคราช เป็
นถิ่
นฐานของสั
งคมกสิ
กรรมที่
มี
การ
เปลี่
ยนแปลงทางเศรษฐกิ
จ เช่
นรู้
จั
กวิ
ธี
ทำ
�นาโดยใช้
แรงงาน
สั
ตว์
เลี้
ยงมาช่
วยทุ่
นแรง คื
อ เลี้
ยงควายไว้
สำ
�หรั
บไถนา
ทำ
�ไร่
รู้
จั
กสร้
างเครื่
องมื
อเหล็
กมาช่
วยถากถางป่
าขยายพื้
นที่
เพาะปลู
ก รู้
จั
กระบบกั
กเก็
บน้ำ
(INUNDATION SYSTEM)
มาใช้
ในการปลู
กข้
าว เนื่
องจากดิ
นในพื้
นที่
นี้
มี
ลั
กษณะไม่
ค่
อย
อุ้
มน้ำ
� มี
เกลื
อปนและมี
ความซึ
มซาบของน้ำ
�มาก จำ
�นวน
น้ำ
�ฝนที่
ตกลงมานั้
นน้
อยกว่
า ต่
อมาชาวนาที่
ทำ
�นาในบริ
เวณ
แอ่
งสกลนครได้
พากั
นอพยพมาทำ
�นาที่
แอ่
งโคราช ทำ
�ให้
ได้
เรี
ยนรู้
การทำ
�นาใหม่
ที่
ให้
ผลผลิ
ตมากกว่
า โดยเฉพาะทำ
�นาด้
วย
วิ
ธี
กั
กเก็
บน้ำ
� (ยกคั
นนา) และใช้
ควายช่
วย
ในการทำ
�งานและเป็
นเครื่
องทุ
นแรงโดย
วิ
ธี
ไถพรวนดิ
น ซึ่
งเป็
นการทำ
�นาโดยใช้
เทคโนโลยี
มาช่
วยการทำ
�นาในที่
ราบขั้
บั
นไดขั้
นกลางและสู
การติ
ดต่
อและแลกเปลี่
ยนสิ
นค้
กั
บชุ
มชนอื่
นๆ นั้
นในแหล่
งโบราณคดี
ได้
พบว่
ามี
แร่
ทองแดง แร่
ดี
บุ
ก ลู
กปั
ดหิ
และลู
กปั
ดแก้
ว ลู
กปั
ดหอยมื
อเสื
อและ
เกลื
อ เป็
นต้
น ซึ่
งเป็
นหลั
กฐานที่
แสดง
แนวโน้
มว่
า ชุ
มชนกสิ
กรรมที่
พบนั้
นมี
การ
ติ
ดต่
อกั
บชุ
มชนแหล่
งอื่
นเพื่
อแลกเปลี่
ยนสิ
นค้
ากั
นซึ่
งเป็
สิ
นค้
าชนิ
ดใดบ้
างนั้
นต้
องศึ
กษาแหล่
งผลิ
ตเช่
น ลู
กปั
ดแก้
และลู
กปั
ดหิ
นสี
นั้
นพบหลายแห่
งในภาคอี
สาน น่
าจะเชื่
อว่
พื้
นที่
นี้
ได้
มี
การติ
ดต่
อกั
บแหล่
งอารยธรรมของอิ
นเดี
ย หรื
มี
การนำ
�ต่
อมาจากชุ
มชนอื่
นด้
วย
สรุ
ปได้
ว่
าสั
งคมกสิ
กรรมของชุ
มชนภาคตะวั
นออก
เฉี
ยงเหนื
อนั้
น ได้
มี
การตั้
งถิ่
นฐาน
(SETTLEMENT PATTERN)
ครั้
งแรกในบริ
เวณที่
ราบขั้
นบั
นไดหรื
อตะพั
กลำ
�น้ำ
�ขั้
นต่ำ
(LOW TERRACE)
ใกล้
แม่
น้ำ
�ลำ
�ธารที่
มี
ลั
กษณะของดิ
นที่
เหมาะสมกั
บการปลู
กข้
าวมาก ทำ
�ให้
ชุ
มชนขยายตั
วออกไป
ตั้
งถิ่
นฐานที่
บริ
เวณที่
ราบขั้
นบั
นไดหรื
อบนตะพั
กลำ
�น้ำ
ขั้
นกลาง ขั้
นสู
(MIDDLE AND HIGH TERRACE)
และที่
ราบ
น้ำ
�ท่
วมในบริ
เวณอื่
น โดยอาศั
ยเทคโนโลยี
ที่
สู
งกว่
ามาช่
วย
ทำ
�ให้
ชุ
มชนสมั
ยนั้
นมี
รู
ปแบบการดำ
�รงชี
วิ
(SUBSISTENCE
PATTERN)
โดยรู้
จั
กการเลี้
ยงสั
ตว์
ปลู
กข้
าวเป็
นอาหาร แล้
พั
ฒนาวิ
ธี
การล่
าสั
ตว์
ดั
กสั
ตว์
และจั
บสั
ตว์
น้ำ
�มาเป็
นอาหาร
ด้
วยเครื่
องมื
อจั
บสั
ตว์
และรู้
จั
กติ
ดต่
อกั
บชุ
มชนอื่
นเพื่
อแลก
เปลี่
ยนสิ
นค้
าของชุ
มชน ซึ่
งมี
การขยายตั
วการติ
ดต่
อไปยั
บริ
เวณอื่
นๆ มากมาย..นี่
แหละภู
มิ
บ้
านภู
มิ
เมื
องที่
เกิ
ดขึ้
นใน
อี
สานโบราณ