๒๖
พระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
วได้
มี
พระบรม
ราชาธิ
บายว่
า เหตุ
ที่
เรี
ยกว่
าทฤษฏี
ใหม่
เพราะมี
การ
บริ
หาร จั
ดแบ่
งที่
ดิ
นออกเป็
นสั
ดส่
วนที่
ชั
ดเจนก็
เพื่
อ
ประโยชน์
สู
งสุ
ดของเกษตรกร ซึ่
งไม่
เคยมี
ใครคิ
ดมาก่
อน
มี
การคำ
�นวณโดยหลั
กวิ
ชาเพื่
อการเพาะปลู
กได้
ตลอด
ปี
นั
บเป็
นตำ
�ราของการบริ
หารจั
ดการที่
ดิ
นและน้ำ
�เพื่
อ
เกษตรกรอย่
างได้
ผลที่
สุ
ด ดั
งพระราชดำ
�รั
สพระราชทาน
แก่
คณะบุ
คคลต่
างๆ ที่
เข้
าเฝ้
าฯ ถวายพระพรชั
ยมงคล
ในโอกาสวั
นเฉลิ
มพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุ
สิ
ดาลั
ย
พระราชวั
งดุ
สิ
ต เมื่
อวั
นศุ
กร์
ที่
๔ ธั
นวาคม พุ
ทธศั
กราช
๒๕๔๑ ความตอนหนึ่
งว่
า
“...ทฤษฎี
ใหม่
นี้
เกิ
ดขึ้
นมาอย่
างไร ก็
มาจากการ
ปฏิ
บั
ติ
ซึ่
งเป็
นการปฏิ
บั
ติ
ของคนอื่
นด้
วยตั้
งแต่
ต้
น ทฤษฎี
ใหม่
นี้
ความจริ
งทางราชการได้
ปฏิ
บั
ติ
มาหลายปี
แล้
ว
ก่
อนที่
เกิ
ดเป็
นทฤษฎี
ใหม่
ตามที่
เรี
ยกว่
า “ทฤษฎี
ใหม่
ใน
พระราชดำ
�ริ
” คื
อการพั
ฒนาทางการเกษตร โดยการ
เพาะปลู
กหลายอย่
างในที่
เดี
ยวกั
นหรื
อผลิ
ตเปลี่
ยน
หมุ
นเวี
ยนกั
น อย่
างเช่
น เขาปลู
กข้
าว หลั
งจากฤดู
กาล
ข้
าว เขาก็
ปลู
กถั่
ว อย่
างนี้
เป็
นทฤษฎี
ใหม่
แล้
ว แต่
ไม่
มี
ใคร
บอกว่
าเป็
นทฤษฎี
ใหม่
ก็
เลยได้
หน้
าว่
าใช้
คำ
�ว่
าทฤษฏี
ใหม่
นี่
เป็
นความคิ
ดขึ้
นมา และตอบรั
บกั
นว่
าเป็
นทฤษฎี
ก็
ไป
ปฏิ
บั
ติ
ต่
อได้
...ผู้
วางแผนเองก็
พึ่
งตนเอง นี่
พู
ดเหมื
อน
ว่
าจะอวดตั
วว่
าเก่
ง แต่
ตกใจตั
วเองว่
าที่
พู
ดไปใช้
งานได้
จึ
งมาสรุ
ปเป็
นทฤษฎี
ใหม่
...”
บั
ดนี้
“ทฤษฎี
ใหม่
” เป็
นที่
ประจั
กษ์
และยอมรั
บ
ในหมู่
เกษตรกรว่
าเป็
นแนวทางการบริ
หารจั
ดการที่
ดิ
น
และแหล่
งน้ำ
�ที่
สามารถนำ
�ไปปฏิ
บั
ติ
อย่
างได้
ผลแท้
จริ
ง
ในทุ
กพื้
นที่
ของประเทศเป็
นทฤษฎี
ที่
ย้
อนกลั
บไปสู่
ความ
แข็
งแกร่
งของชุ
มชนไทยในอดี
ต โดยนำ
�ประเพณี
การ
ช่
วยเหลื
อซึ่
งกั
นและกั
นในชุ
มชน ซึ่
งเรี
ยกว่
า “ลงแขก”
มาใช้
เป็
นการร่
วมแรงร่
วมใจกั
นทำ
�งานทำ
�ให้
ลดค่
าใช้
จ่
าย
ที่
ปกติ
จะเกิ
ดจากการจ้
างแรงงาน โดยมี
ประเพณี
วั
ฒนธรรมและศาสนาเป็
นเครื่
องเชื่
อมโยง ส่
งเสริ
มให้
เกิ
ดความสามั
คคี
ในการพั
ฒนาสั
งคม ดั
งพระราชดำ
�รั
ส
พระราชทานแก่
คณะบุ
คคลต่
างๆ ที่
เข้
าเฝ้
าฯ ถวาย
พระพรชั
ยมงคลในโอกาสวั
นเฉลิ
มพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุ
สิ
ตดาลั
ย สวนจิ
ตรดา เมื่
อวั
นที่
๔ ธั
นวาคม
๒๕๔๐ ความตอนหนึ่
งว่
า
“. . .ต้
องถอยหลั
งเข้
าคลอง จะต้
องอยู่
อย่
าง
ระมั
ดระวั
ง และต้
องกลั
บไปทำ
�กิ
จการที่
อาจจะไม่
ค่
อย
ซั
บซ้
อนนั
ก คื
อใช้
เครื่
องมื
ออะไรที่
ไม่
หรู
หรา แต่
อย่
างไร
ก็
ตามมี
ความจำ
�เป็
นที
่
จะถอยหลั
งเพื่
อที
่
จะก้
าวหน้
าต่
อไป...”
พระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
วพระราชทาน
แนวทาง “ทฤษฎี
ใหม่
” ให้
กั
บประชาชน เพื่
อเป็
นฐาน
ทางความคิ
ดไปสู่
หลั
กคิ
ด “เศรษฐกิ
จพอเพี
ยง” คื
อ
“พอ
ประมาณ มี
เหตุ
ผล และสร้
างภู
มิ
คุ้
มกั
นได้
”
เป็
นกระแส
การพั
ฒนาที่
สำ
�คั
ญยิ่
งในหมู่
ประชาชนระดั
บรากแก้
วของ
สั
งคมไทย ทั้
งเศรษฐกิ
จพอเพี
ยงทฤษฎี
ใหม่
และวิ
สาหกิ
จ