Page 22 - may53

Basic HTML Version

๒๐
นอกสี
ขาว คอปิ
ด ติ
ดกระดุ
มตลอด ๕ เม็
ด รู่
จั
กกั
นในชื่
อว่
เสื้
อราชปะแตน แต่
ยั
งคงนุ่
งผ้
าม่
วงสี
กรมท่
าเหมื
อนเดิ
นิ
ยมสวมหมวกแบบยุ
โรปหรื
อหมวกหางนกยู
ง ถื
อไม้
เท้
ต่
อมาโปรดให้
นุ่
งกางเกงขายาวแทน เป็
นผลให้
ประชาชน
เริ่
มนิ
ยมนุ่
งกางเกงขายาวและสวมหมวกกะโล่
กั
นขึ้
นบ้
าง
ในตอนปลายรั
ชกาล การไว้
ผมของชายไทยนั้
นนิ
ยมตั
ยาวอย่
างฝรั่
งมี
ทั้
งหวี
แสกและหวี
เสย นอกจากนี้
ยั
งมี
ทรงผมอี
กทรงหนึ่
งเกิ
ดขึ้
นด้
วยเหตุ
ที่
ข้
าราชการบางคน
ยั
งนิ
ยมทรงมหาดไทยได้
ให้
ช่
างตั
ดผมรอบศี
รษะไว้
ข้
าง
บนยาวคล้
ายทรงมหาดไทยเรี
ยกว่
า ผมรองทรง
การแต่
งกายของผู้
หญิ
งได้
ดั
ดแปลงเรื่
อยมาแต่
ส่
วนใหญ่
ยั
งคงนุ่
งโจงกระเบน สวมเสื้
อกระบอกคอกลม
หรื
อคอตั้
งเตี้
ย ๆ แขนยาว ชายเสื้
อเพี
ยงเอว ห่
มแพรจี
ตามขวางสไบเฉี
ยงทั
บบนเสื้
อ สวมรองเท้
าบู๊
ตและถุ
งเท้
หุ้
มตลอดน่
อง หลั
งจากพระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
เจ้
าอยู่
หั
วเสด็
จกลั
บจากยุ
โรปใน พ.ศ. ๒๔๔๐ การแต่
งกาย
ได้
วิ
วั
ฒนาการไปอี
ก ผู้
หญิ
งนุ่
งโจงกระเบน ใช้
เสื้
อตั
แบบยุ
โรป สวมถุ
งเท้
า รองเท้
า แบบเสื้
อที่
นิ
ยมมากคื
เสื้
อแขนพองแบบฝรั่
ง คอตั้
ง แขนยาว ต้
นแขนพอง
คล้
ายขาหมู
แฮม เรี
ยกว่
าเสื้
อขาหมู
แฮม ในตอนปลาย
รั
ชกาล ตั
วเสื้
อนิ
ยมใช้
ผ้
าแพร ผ้
าไหม ผ้
าลู
กไม้
ตั
ดแบบ
ตะวั
นตก คอตั้
งสู
ง แขนยาวฟู
พองหรื
อระบายลู
กไม้
เป็
ชิ้
น ๆ รอบแขนเสื้
อ บางที
เอวเสื้
อจี
บเข้
ารู
ป บางที่
คาด
เข็
มขั
ดสวมถุ
งเท้
ายาว รองเท้
าส้
นสู
ง หญิ
งชาวบ้
านนุ่
โจงกระเบนและห่
มผ้
าแถบเช่
นเดิ
ม เด็
กนุ่
งโจงกระเบน
ไม่
ใส่
เสื้
อ แต่
ถ้
าออกงานจะใส่
เสื้
อคอกระเช้
าติ
ดลู
กไม้
ถ้
แต่
งเต็
มที่
ก็
จะเป็
นเสื้
อแขนยาว คอปิ
ด แต่
งด้
วยลู
กไม้
สวมถุ
งเท้
า รองเท้
า ทรงผมนั้
นเลิ
กไว้
ผมปี
กมาไว้
ผมยาว
แทน เริ่
มใช้
เครื่
องสำ
�อางอย่
างชาวตะวั
นตกบ้
าง นิ
ยม
เครื่
องประดั
บสร้
อยข้
อมื
อ สร้
อยคอ สร้
อยตั
ว แหวน
กำ
�ไลต่
างหู
เข็
มขั
ด ทอง เงิ
น นาค นอกจากจะกำ
�หนด
เครื่
องแต่
งกายแล้
วยั
งออกประกาศฉบั
บต่
าง ๆ เกี่
ยวกั
การแต่
งกายเพื่
อให้
ประชาชนปฏิ
บั
ติ
เช่
น ประกาศห้
าม
คนแต่
งตั
วไม่
สมควรมิ
ให้
ไปมาในพระราชฐานที่
เสด็
จออก
กล่
าวคื
อ ห้
ามผู้
ที่
ไม่
สวมเสื้
อหรื
อสวมเสื้
อชั้
นใน นุ่
กางเกงขาสั้
นเหนื
อเข่
านุ่
งผ้
ายั
กรั้
งไม่
ปิ
ดเข่
า สวมรองเท้
ไม่
ใส่
ถุ
งเท้
า ตลอดจนเด็
กเปลื
อยกายเข้
ามาในพระราชวั
ชั้
นนอกด้
านหน้
าและบริ
เวณวั
ดพระศรี
รั
ตนศาสดาราม
ถ้
าฝ่
าฝื
นจะถู
กปรั
บหรื
อถู
กจั
บขั
ง อี
กฉบั
บหนึ่
งคื
อ ประกาศ
ห้
ามการแต่
งกายไม่
สมควร ห้
ามผู้
นุ่
งผ้
ายั
กรั้
ง หญิ
งเปลื
อย
อกหรื
อแต่
งกายไม่
เรี
ยบร้
อย เด็
กไม่
นุ่
งผ้
าไม่
สวมเสื้
เดิ
นไปมาตามถนน แม่
น้ำ
�หรื
ออยู่
ในบ้
านริ
มถนน ริ
มแม่
น้ำ
ถ้
าฝ่
าฝื
นจะถู
กปรั
ถึ
งสมั
ยรั
ชกาลที่
๖ ความเปลี่
ยนแปลงในด้
านต่
าง ๆ
ค่
อนข้
างไปทางตะวั
นตกมากขึ้
น แฟชั่
นใหม่
สำ
�หรั
บสตรี
คื
อ การนุ่
งผ้
าซิ่
น การนุ่
งโจงกระเบนสำ
�หรั
บสาว ๆ ค่
อย
หายไปใส่
เสื้
อรั
ดรู
ปแบบต่
าง ๆ แขนยาว สวมรองเท้
าส้
นสู
ลำ
�ดั
บต่
อมาก็
เปลี่
ยนเป็
นนุ่
งกระโปรง ส่
วนทรงผมเริ่
มมี
ผมบ๊
อบ ผมยาวเกล้
ามวย และนิ
ยมใช้
ที่
คาดผมด้
วย ซึ่
นั
บว่
าเป็
นการเปลี่
ยนแปลงที่
เป็
นจุ
ดแตกต่
างจากรั
ชกาล
ที่
ผ่
านมา
การแต่
งกายคล้
ายชาวตะวั
นตกเด่
นชั
ดขึ้
นใน
รั
ชกาลที่
๗ ซิ่
นที่
นุ่
งยาวเปลี่
ยนเป็
นผ้
าถุ
งสำ
�เร็
จสวมเสื้
หลวมไม่
เข้
ารู
ป ตั
วยาว แขนสั้
นหรื
อไม่
มี
แขน ตกแต่
ด้
วยโบ และระบายเหมื
อนของฝรั่
ง เลิ
กสะพายแพรใส่
สายสร้
อยและต่
างหู
ยาวแบบต่
าง ๆ ผมปล่
อยยาวแต่
ไม่
ประบ่
า และเริ่
มดั
ดเป็
นลอนในรั
ชกาลนี้
คนไทยได้
ไปศึ
กษา
ในต่
างประเทศมากขึ้
น ประกอบกั
บภาพยนตร์
ฝรั่
งกำ
�ลั
เฟื่
องฟู
จนเป็
นอิ
ทธิ
ผลในการนำ
�แฟชั่
นเข้
ามาเผยแพร่
ผู้
หญิ
งหั
นมานุ่
งกระโปรงกั
นบ้
างประปรายในกลุ่
คนบางพวก กระโปรงเป็
นแบบ ๔ ตะเข็
บ ๖ ตะเข็
ในพุ
ทธศั
กราช ๒๔๗๘ กำ
�หนดเป็
นพระราชบั
ญญั
ติ
การแต่
งกายข้
าราชการพลเรื
อนเลิ
กนุ
งผ้
าม่
วงโจงกระเบน
โดยเด็
ดขาด เปลี่
ยนเป็
นกางเกงขายาวตามแบบสากล
ราษฎรทั่
วไปเมื่
อเห็
นข้
าราชการนุ่
งกางเกงขายาวก็
ทำ
�ตา
มอย่
างกั
นขึ้
นเรื่
อย ๆ จนกระทั่
งนิ
ยมแต่
งแบบสากลกั
มาถึ
งปั
จจุ
บั
การแต่
งกายได้
รั
บความสนใจจากรั
ฐบาลอี
กใน
ยุ
คสมั
ยของจอมพล ป.พิ
บู
ลสงคราม ออกพระราชบั
ญญั
ติ
พระราชกฤษฎี
กา และประกาศต่
าง ๆ เกี่
ยวกั
บเรื่
อง
การแต่
งการของชาวไทยหลายฉบั
บ ออกประกาศห้
ามผู้
แต่
งกายไม่
สมควรปรากฏตั
วในที่
สาธารณะ กางเกงแพร
ถู
กมองว่
าไม่
สุ
ภาพและเป็
นวั
ฒนธรรมจี
นมี
การกำ
�หนด
แนวทางในการแต่
งกายสำ
�หรั
บประชาชนไว้
ด้
วย บั
งคั