Page 12 - may53

Basic HTML Version

วั
นฉั
ตรมงคล
ตามความหมายของพจนานุ
กรมฉบั
ราชบั
ณฑิ
ตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ คื
อ พระราชพิ
ธี
ฉลอง
พระเศวตฉั
ตรสิ
ริ
ราชกกุ
ธภั
ณฑ์
พระแสงประจำ
�รั
ชกาล โดย
จะทำ
�ในวั
นที่
ตรงกั
บวั
นบรมราชาภิ
เษกเสวยราชสมบั
ติ
ตามราช
ประเพณี
และยั
งเป็
นวั
นระลึ
กถึ
งพระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
ภู
มิ
พลอดุ
ลยเดช ทรงพระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษกขึ้
นครอง
ราชสมบั
ติ
เป็
นพระมหากษั
ตริ
ย์
รั
ชกาลที่
๙ แห่
งราชวงศ์
จั
กรี
เมื่
วั
นที่
๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ รั
ฐบาลและพสกนิ
กรชาวไทย
จึ
งได้
ถื
อเอาวั
นที่
๕ พฤษภาคม ของทุ
กปี
เป็
วั
นฉั
ตรมงคล
และ
ในวั
นฉั
ตรมงคลนี้
พระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
วภู
มิ
พลอดุ
ลยเดช
ทรงมี
พระปฐมบรมราชโองการ ในพระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษก
ว่
“เราจะครองแผ่
นดิ
นโดยธรรม เพื่
อประโยชน์
สุ
ขแห่
มหาชนชาวสยาม”
พระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษกนั้
น มี
มาตั้
งแต่
สมั
โบราณดั
งที่
ปรากฏหลั
กฐานในหลั
กศิ
ลาจารึ
กพ่
อขุ
นรามคำ
�แหง
มหาราชว่
“ในสมั
ยสุ
โขทั
ยมี
พิ
ธี
ต้
อนรั
บประมุ
ขของแผ่
นดิ
นอย่
าง
มโหฬารตั้
งแต่
ที่
พ่
อขุ
นผาเมื
องอภิ
เษกพ่
อขุ
นบางกลางหาวขึ้
นเป็
ผู้
ปกครองเมื
องสุ
โขทั
ย”
สำ
�หรั
บในสมั
ยอยุ
ธยาก็
ปรากฏหลั
กฐาน
ตามพงศาวดารว่
“พระมหากษั
ตริ
ย์
ในแผ่
นดิ
นอยุ
ธยา เมื่
อมี
การ
เปลี่
ยนองค์
พระมหากษั
ตริ
ย์
ทั่
วทั้
งเมื
องจั
ดให้
มี
พิ
ธี
เฉลิ
มฉลอง
อย่
างเอิ
กเกริ
กใหญ่
โตไปทั่
วทั้
งพระนคร”
ในสมั
ยรั
ตนโกสิ
นทร์
พระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธยอดฟ้
จุ
ฬาโลกมหาราช ก็
มิ
ได้
ทรงละทิ้
งพระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษก
ทรงโปรดเกล้
าฯ ให้
ตั้
งคณะกรรมการสอบพระราชพิ
ธี
พระบรม
ราชาภิ
เษก ให้
มี
ความถู
กต้
องตามระเบี
ยบแบบแผนและทรง
ต้
องการให้
ยึ
ดถื
อเป็
นระเบี
ยบแบบแผนในรั
ชกาลต่
อไป ซึ่
ประกอบด้
วย
๑. ขั้
นเตรี
ยมงานพระราชพิ
ธี
เริ่
มตั้
งแต่
พิ
ธี
ตั
กน้ำ
และทำ
�พิ
ธี
เสกน้ำ
� ณ เจดี
ยสถานสำ
�คั
ญจากสถานที่
ตั
กน้ำ
� ก่
อน
ที่
จะส่
งเข้
ามาทำ
�พิ
ธี
ต่
อในพระนคร น้ำ
�ที่
เสกนี้
ใช้
สำ
�หรั
บถวาย
อภิ
เษก และสรงมุ
รธาภิ
เษก (น้ำ
�รดพระเศี
ยรในพระราชพิ
ธี
บรม
ราชาภิ
เษก) โดยมี
ระเบี
ยบกำ
�หนดให้
ใช้
น้ำ
�จากแม่
น้ำ
� ๕ สาย
ได้
แก่
แม่
น้ำ
�คงคา ยมนา อิ
รวดี
มหิ
และสรภู
ในชมพู
ทวี
ป หรื
ที่
เรี
ยกว่
า “ปั
ญจมหานที
” แต่
เนื่
องจากประเทศไทยอยู่
ห่
างจาก
ชมพู
ทวี
ป ไม่
สะดวกในการเดิ
นทาง จึ
งเปลี่
ยนมาใช้
น้ำ
�จากแม่
น้ำ
๑๘ แห่
ง จากภายในประเทศไทยแทน นอกจากนี้
ยั
งมี
พิ
ธี
จารึ
ดวงพระราชสมภพในพระสุ
พรรณบั
ฏ และแกะพระราชลั
ญจกร
(ตราประจำ
�รั
ชกาล)
๒. พิ
ธี
เบื้
องต้
เริ่
มตั้
งแต่
ตั้
งนำ
�วงด้
าย จุ
ดเที
ยนชั
และเจริ
ญพระพุ
ทธมนต์
๓. พระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษก
เริ่
มจากสรง
มุ
รธาภิ
เษก ต่
อจากนั้
นพระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
วจะเสด็
พระราชดำ
�เนิ
นไปประทั
บเหนื
อพระที่
นั่
งอั
ฐทิ
ศอุ
ทุ
มพรราชอาสน์
ร้
อยเรื่
องวั
นสำ
�คั
สิ
ริ
วิ
ภา ขุ
นเอม...เรี
ยบเรี
ยง
๑๐
(เป็
นพระราชอาสน์
๘ เหลี่
ยม ภายใต้
เศวตฉั
ตร ๗ ชั้
น) สมาชิ
สภาผู้
แทนราษฎร (ในสมั
ยโบราณเป็
นราชบั
ณฑิ
ต) และพราหมณ์
นั่
งประจำ
�ทิ
ศทั้
ง ๘ กล่
าวคำ
�ถวายพระพรชั
ยมงคล และถวายดิ
นแดน
ให้
อยู่
ในความคุ้
มครองของพระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
ต่
อจากนั้
นทรงรั
บน้ำ
�อภิ
เษก ขึ้
นสู่
พระที่
นั่
งภั
ทรบิ
ฐพระราชอาสน์
องค์
ใหม่
พระมหาราชครู
เริ่
มร่
ายเวทย์
พิ
ธี
พราหมณ์
เมื่
อร่
ายเวทย์
เสร็
จแล้
วจึ
งกราบทู
ลเชิ
ญพระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
วลง
พระปรมาภิ
ไธย ถวายเครื่
องราชกกุ
ธภั
ณฑ์
คื
อ เครื่
องหมายแสดง
ความเป็
นพระมหากษั
ตริ
ย์
ได้
แก่
พระมหาพิ
ชั
ยมงกุ
ฎ พระแสง
ขรรค์
ชั
ยศรี
ธารพระกร วาลวิ
ชนี
ฉลองพระบาท เมื่
อทรงรั
พระมหาพิ
ชั
ยมงกุ
ฎมาสวมพระเศี
ยร เจ้
าพนั
กงานจะประโคมดนตรี
ทหารยิ
งปื
นใหญ่
พระสงฆ์
เคาะระฆั
ง และสวดชั
ยมงคลคาถาทั่
พระราชอาณาจั
กร หลั
งจากนั้
นพราหมณ์
ถวายพระแสงศาสตราวุ
เป็
นอั
นเสร็
จพระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษก
๔. พิ
ธี
เบื้
องปลาย
เมื่
อเสร็
จพระราชพิ
ธี
พระบรม
ราชาภิ
เษกแล้
ว จะเสด็
จออก ณ มหาสมาคม เพื่
อให้
เหล่
ข้
าราชการ และประชาชนได้
ถวายพระพรชั
ยมงคลเนื่
องใน
วโรกาสทรงเข้
าพระราชพิ
ธี
พระบรมราชาภิ
เษก
๕. เสด็
จเยี่
ยมราษฎร
เมื่
อทรงเสด็
จพระราชพิ
ธี
ต่
างๆ ที่
เกี่
ยวข้
องแล้
ว พระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
วจะเสด็
พระราชดำ
�เนิ
น ให้
ราษฎรได้
มี
โอกาสชื่
นชมพระบารมี
การจั
ดพระราชพิ
ธี
เฉลิ
มฉลองเนื่
องในวั
นฉั
ตรมงคล
ในอดี
ตยั
งไม่
มี
พิ
ธี
นี้
จะมี
แต่
พนั
กงานฝ่
ายหน้
าฝ่
ายในพระบรม
มหาราชวั
งจั
ดงานสมโภชเครื่
องราชู
ปโภคที่
ตนรั
กษาทุ
กปี
ใน
เดื
อนหก จนกระทั่
งสมั
ยพระบาทสมเด็
จพระจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
(รั
ชกาลที่
๔) เสด็
จขึ้
นครองราชย์
พระองค์
ทรงกระทำ
�พิ
ธี
พระบรม
ราชาภิ
เษก ด้
วยทรงมี
พระราชดำ
�ริ
ว่
“วั
นบรมราชาภิ
เษกเป็
นมหา
มงคลสมั
ย ประเทศทั้
งหลายที่
มี
พระเจ้
าแผ่
นดิ
นครองประเทศ
ย่
อมนั
บถื
อว่
าวั
นนั้
นเป็
นวั
นนั
กขั
ตฤกษ์
มงคลกาลต่
างก็
จั
ดงานขึ้
เป็
นอนุ
สรณ์
ส่
วนในประเทศของเรายั
งไม่
มี
ควรจะจั
ดขึ้
น แต่
จะ
ประกาศแก่
คนทั้
งหลายว่
าจะจั
ดงานวั
นบรมราชาภิ
เษกหรื
องาน
ฉั
ตรมงคล”
ผู้
คนในขณะนั้
นยั
งไม่
คุ้
นเคย และไม่
เข้
าใจจึ
งต้
องทรง
อธิ
บายชี้
แจงและทรงโปรดเกล้
าฯ ให้
เรี
ยกชื่
อไปตามเก่
าว่
างาน
สมโภชเครื่
องราชู
ปโภค แต่
ทำ
�ในวั
นคล้
ายวั
นราชาภิ
เษก นิ
มนต์
พระสงฆ์
มาสวดมนต์
ในวั
นขึ้
น ๑๓ ค่ำ
� เดื
อน ๖ รุ่
งขึ้
นพระสงฆ์
ฉั
นที่
พระที่
นั่
งดุ
สิ
ตมหาปราสาท ด้
วยเหตุ
นี้
จึ
งถื
อว่
า พระราชพิ
ธี
ฉั
ตรมงคลเริ่
มมี
ขึ้
นในสมั
ยของพระบาทสมเด็
จพระจอมเกล้
เจ้
าอยู่
หั
วเป็
นครั้
งแรก
ในสมั
ยพระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
(รั
ชกาลที่
๕) วั
นราชาภิ
เษกตรงกั
บเดื
อน ๑๒ ด้
วยทรงมี
ความ
เข้
าใจในเรื่
องราวของพระราชพิ
ธี
ฉั
ตรมงคลเป็
นอย่
างดี
ดั
งนั้
วั
นฉั
ตรมงคลก็
ย่
อมเปลี่
ยนแปลงไปด้
วย แต่
ข้
าราชการชั้
นผู้
ใหญ่
ไม่
เห็
นด้
วย เนื่
องจากไม่
เข้
าใจในเรื่
องราวพระราชพิ
ธี
ฉั
ตรมงคล