๓๓
พระสุ
เมรุ
อั
นเป็
นที่
สถิ
ตย์
ของพระเจ้
า
(แพทริ
เซี
ย
แน่
นหนา
อ้
างถึ
งใน
พิ
เชษ สายพั
นธ์
,
๒๕๓๙:๓๕) ใน
ส่
วนงานประติ
มากรรมโดยเฉพาะพระพุ
ทธรู
ปกั
บนาค ที่
กลายมาเป็
นสิ่
งที่
เชื่
อมโยงกั
บวั
ฒนธรรมพื้
นถิ่
นในแถบนี้
กั
บวั
ฒนธรรมทางศาสนาจากภายนอกได้
ก่
อเกิ
ด
คติ
การ
สร้
างพระพุ
ทธรู
ปนาคปรก
ของภู
มิ
ภาคเอเชี
ยอาคเนย์
ที่
เป็
นบ่
อเกิ
ดลั
ทธิ
ธรรมเนี
ยมการทำ
�พระพุ
ทธรู
ปนาคปรก
ที่
เก่
าแก่
ที่
สุ
ด ก็
น่
าจะเป็
นประเทศไทย (ชอง บวสเซอลิ
เยร์
, ๒๕๓๐:๑๓๑) ซึ่
งแนวคิ
ดดั
งกล่
าวยั
งสอดคล้
องกั
บ
การศึ
กษาของ ไมเคิ
ล ไรท ที่
อธิ
บายว่
า
พระพุ
ทธรู
ป
นาคปรกไม่
พบในอิ
นเดี
ยหรื
อในลั
งกา
แต่
พบการทำ
�
ในแถบนี้
เพราะฉะนั้
น
พระพุ
ทธรู
ปนาคปรกจึ
งเป็
นการ
กลื
นกั
นระหว่
างอำ
�นาจทางธรรมกั
บอำ
�นาจทางโลก
ให้
กลายเป็
นอั
นหนึ่
งอั
นเดี
ยวกั
น ทุ
กครั้
งที่
เรากราบ
พระพุ
ทธรู
ปนาคปรก เรากราบทั้
งอำ
�นาจทางธรรมซึ่
ง
แสดงโดยตั
วองค์
พระพุ
ทธรู
ปกั
บนาคปรกที่
อยู่
ข้
างหลั
ง
ด้
วยเหมื
อนกั
บนิ
ทานฮิ
นดู
หลายเรื่
องที่
พยายามกลื
นสอง
อย่
างนี้
เข้
าหากั
น เขาไม่
ได้
ทำ
�สั
ญลั
กษณ์
แบบที่
เราเรี
ยกว่
า
นาคปรก ฉะนั้
นการกราบพระพุ
ทธรู
ปนาคปรกก็
คื
อการ
บู
ชาความอุ
ดมสมบู
รณ์
ในทางจิ
ตใจและในทางโลกใน
เวลาเดี
ยวกั
น (นิ
ธิ
เอี
ยวศรี
วงศ์
, ๒๕๔๙ : ๖๒-๖๓)
หากแต่
ในด้
านสถาปั
ตยกรรมประเภทศาสนาคาร
คติ
ความเชื่
อที่
ปรากฏอยู่
ในรู
ปทรงและองค์
ประกอบมั
ก
ถู
กเชื่
อมโยงกั
บคติ
ฮิ
นดู
และระบบจั
กรวาลแบบฮิ
นดู
ดั่
ง
กรณี
การอธิ
บายความ
ช่
อฟ้
าที่
ใช้
เป็
นรู
ปหั
วพญานาค
ส่
วนสั
นมุ
มหลั
งคาทำ
�เป็
นรู
ปสั
นหลั
งของพญานาคกำ
�ลั
ง
เลื้
อยลงมาเป็
นชั้
นๆ จนถึ
งชายหลั
งคาชั้
นล่
างสุ
ด แล้
ว
จึ
งมี
ทวยไม้
สลั
กเป็
นนาคค้ำ
�ยั
นไว้
สั
ญลั
กษณ์
ที่
เรี
ยงกั
นลง
มาเช่
นนี้
เปรี
ยบเสมื
อนสายน้ำ
�ที่
กำ
�ลั
งไหลจากภู
เขาที่
เป็
นจุ
ดศู
นย์
กลางสู่
เบื้
องล่
างจนกระทั่
งถึ
งฐานโบสถ์
…
หรื
ออี
กนั
ยยะหนึ่
งคื
อ มหาสมุ
ทรอั
นกว้
างใหญ่
ไพศาล
อั
นเป็
นที่
รวมของน้ำ
�ทั้
งหมด (สุ
เมธ ชุ
มสาย ณ อยุ
ธยา,
๒๕๒๘:๑๓๔) สรุ
ปแล้
ว ความหมายที่
แท้
จริ
งของช่
อฟ้
า
ควรเป็
นพญานาค เพราะเป็
นความหมายที่
โยงกลั
บ
ไปถึ
งเหตุ
การณ์
ที่
ได้
เกิ
ดขึ้
นในระบบจั
กรวาล กล่
าวคื
อ
การกวนเกษี
ยรสมุ
ทรโดยพระวิ
ษณุ
หรื
อการต่
อสู้
ระหว่
าง
พระอิ
นทร์
กั
บพญานาคบนเขาพระสุ
เมรุ
ซึ่
งทำ
�ให้
นาคต้
อง
พ่
ายแพ้
และต้
องปล่
อยให้
น้ำ
�ไหลหลากลงมาหล่
อเลี้
ยง
ชี
วิ
ตบนโลก (สุ
เมธ ชุ
มสาย ณ อยุ
ธยา, ๒๕๒๘:๑๕๗)
หากพิ
เคราะห์
ในเชิ
งโครงสร้
างหน้
าที่
นิ
ยม จะพบได้
ว่
า
ลั
กษณะรู
ปสั
ณฐานของพญานาคที่
มี
พั
ฒนาการมาจากงู
นั้
นมี
คุ
ณลั
กษณะพิ
เศษที่
สั
มพั
นธ์
ลงตั
วเหมาะสมในการ
สร้
างสรรค์
จิ
นตนาการในเชิ
งช่
างที่
หลากหลายรู
ปแบบ
นั
บตั้
งแต่
ส่
วนหั
วจนถึ
งส่
วนหาง ที่
สามารถเติ
มเต็
มสั
ญญะ
ความหมายทางสั
งคมวั
ฒนธรรมผ่
านงานช่
างทางความ
เชื่
อไม่
ว่
าจะเป็
นศาสนาคาร หรื
องานพุ
ทธหั
ตถศิ
ลป์
นอกจากนี้
รู
ปสั
ณฐานของงู
หรื
อนาค ยั
งสอดรั
บ
กั
บรู
ปสั
ญลั
กษณ์
ของเรื
อและรู
ปสั
ณฐานของโลงศพ ที่
เชื่
อมโยงกั
บหลั
กฐานทางประวั
ติ
ศาสตร์
โบราณคดี
ที่
อธิ
บายว่
า เรื
อศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
มี
หลั
กฐานอยู่
ที่
ลายเส้
นสลั
กบน
กลองทอง (สั
มฤทธิ์
) หรื
อ มโหระทึ
ก เมื่
อไม่
น้
อยกว่
า
๓,๐๐๐ ปี
มาแล้
ว พบที่
ประเทศไทย เวี
ยดนาม จี
น ที่
มณฑลกวางสี
และที่
อื่
นๆ ในสุ
วรรณภู
มิ
บริ
เวณอุ
ษาคเนย์
แสดงว่
าชุ
มชนและบ้
านเมื
องยุ
คดึ
กดำ
�บรรพ์
ในภู
มิ
ภาคนี้
ล้
วนมี
เรื
อศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ที่
เติ
บโตเป็
นเรื
อพระราชพิ
ธี
เหมื
อนกั
น
ทุ
กแห่
งไม่
ใช่
มี
เฉพาะในประเทศไทยเท่
านั้
นเรื
อมี
รู
ปร่
าง
จากงู
ที่
ต่
อมาเรี
ยกนาค (ตามคำ
�ละติ
นและบาลี
) หั
วเรื
อมี
รู
ปเป็
นงู
หรื
อนาค ส่
วนหางเรื
อเรี
ยวยาวไปเป็
นงู
หรื
อนาค
นั้
นเองและจากความเชื่
อที่
ว่
างู
เป็
นสั
ตว์
ศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
หรื
อ
พระพุ
ทธรู
ปนาคปรกเป็
นปางที่
พบเฉพาะในแถบถิ่
น
สุ
วรรณภู
มิ
ที่
สั
มพั
นธ์
กั
บนาคาคติ
ไม่
พบในอิ
นเดี
ย