ภาษา
นาค จั
ดอยู่
ในภาษาตระกู
ล
อิ
นโด-ยู
โรป
มี
ราก
เดิ
มว่
า
นอค (naga)
แปลว่
า
เปลื
อย แก้
ผ้
า
แล้
ว
ภาษาอั
งกฤษรั
บมาใช้
ว่
า nakea เป็
นอั
นรู้
กั
นว่
านาคไม่
ใช่
คำ
�ไทยลาวและไม่
ใช่
คำ
�มอญเขมร แต่
ทั้
งตระกู
ลไทย
ลาวกั
บมอญเขมรรั
บมาใช้
ในความหมายว่
า งู
เพราะ
งู
เป็
นสั
ตว์
เปลื
อย
ไม่
มี
ขนปกปิ
ดแล้
วสร้
างจิ
นตนาการ
เพิ่
มเติ
มต่
อมาว่
า หั
วหน้
างู
ทั้
งหลายคื
อ
พญานาค
(สุ
จิ
ตต์
วงษ์
เทศ, ๒๕๔๙:๒๖๔) และโดยเฉพาะใน
บริ
บทแถบถิ่
นลุ่
มน้ำ
�โขง ตั้
งแต่
ตอนใต้
ของมณฑล
ยู
นนาน ประเทศจี
น เรื่
อยลงมาจนถึ
งปากแม่
น้ำ
�โขง
ล้
วนแล้
วแต่
มี
คติ
นั
บถื
อบู
ชางู
หรื
อนาค โดยในด้
าน
ประวั
ติ
ศาสตร์
โบราณคดี
มี
หลั
กฐานสำ
�คั
ญที่
อธิ
บาย
ความหมายเชื่
อมโยง จาก
ลวดลายเขี
ยนสี
ที่
บ้
านเชี
ยง
จั
งหวั
ดอุ
ดรธานี
หรื
อที่
บ้
านโนนต่ำ
� จั
งหวั
ดขอนแก่
น ซึ่
ง
ปรากฏลวดลายเขี
ยนสี
เป็
นรู
ปงู
ที่
ภาชนะดิ
นเผาที่
ใช้
เซ่
น
บู
ชาศพจำ
�นวนมาก ซึ่
งทั้
งหมดแสดงให้
เห็
นร่
องรอย
ความเชื่
อมโยงถึ
ง
ลั
ทธิ
ความเชื่
อดั้
งเดิ
มที่
มี
ต่
อ งู
ว่
า
ผู้
คนในแถบถิ่
นอุ
ษาคเนย์
นั้
น
เคารพบู
ชางู
มาไม่
น้
อยกว่
า
๓,๐๐๐ ปี
ตั้
งแต่
ยุ
คโลหะ
ซึ่
งพบในแอ่
งสกลนคร (ปราณี
วงษ์
เทศ ๒๕๔๓:๒๒๖) เช่
นเดี
ยวกั
บคนในวั
ฒนธรรม
อื่
นๆ ดั่
งมี
ตำ
�นานในแถบลุ่
มน้ำ
�โขงเช่
นใน
เขมร
มี
เรื่
อง
นางนาคกั
บพระทอง
กล่
าวได้
ว่
าเป็
นนิ
ทานปรั
มปราของ
บรรพบุ
รุ
ษเขมร ในลาวและภาคอี
สานของไทยมี
หนั
งสื
อ
อุ
รั
งคธาตุ
ซึ่
งมี
เรื่
องราวเกี่
ยวกั
บนาคอยู่
มากมาย ส่
วน
เวี
ยดนาม (อาณาจั
กรจามปา) มี
นิ
ทาน
นางนาค
เช่
นกั
น
และไทยสยาม ในแถบแคว้
นสุ
โขทั
ยมี
เรื่
องราวพระร่
วง
เป็
นลู
กนางนาค ส่
วนในพม่
ามี
ตำ
�นานเกี่
ยวกั
บนาคอยู่
ใน
เรื่
อง
กำ
�เนิ
ดเมื
องหงสาวดี
ดั
งนั้
น นาคจึ
งมี
ความหมาย
นั
ยยะสำ
�คั
ญต่
อลั
ทธิ
ความเชื่
อ ที่
เป็
นลั
กษณะร่
วมบน
ความหลากหลายของวั
ฒนธรรมตามบริ
บทในแต่
ละ
พื้
นที่
ดั
งปรากฏร่
องรอยผ่
าน
ตำ
�นาน นิ
ทานปรั
มปรา
ที่
อธิ
บายเรื่
องราวเกี่
ยวกั
บนาค ปรากฏอยู่
ในกลุ่
มชนหลาย
เผ่
าพั
นธุ์
ในแถบถิ่
นนี้
ซึ่
งท่
านอาจารย์
ศรี
ศั
กร วั
ลลิ
โภดม
ได้
วิ
เคราะห์
เรื่
องของ นาค ไว้
ในหนั
งสื
อ
แอ่
งอารยธรรม
อี
สาน
อยู่
๓ ประเด็
น
ซึ่
งเป็
นกรอบแนวความคิ
ดที่
นั
กวิ
ชาการรุ่
นต่
อมาใช้
อธิ
บายความหมายของนาคใน
บริ
บทของแถบถิ่
นสุ
วรรณภู
มิ
คื
อ
๑) นาคเป็
นสั
ญลั
กษณ์
ของกลุ่
มชนดั้
งเดิ
ม ๒) นาคเป็
นสั
ญลั
กษณ์
ของเจ้
า
แห่
งดิ
นและน้ำ
� ๓) นาคเป็
นลั
ทธิ
ทางศาสนา
นอกจากนี้
นาค
ได้
ถู
กอธิ
บายความไว้
ในหนั
งสื
อ
อุ
รั
งคธาตุ
ตอนต้
น
เรื่
องว่
า
“เมื
องสุ
วรรณภู
มิ
นี้
เป็
นที่
อยู่
แห่
งนาคทั้
งหลาย”
นาค
ในมิ
ติ
ความหมายทางลั
ทธิ
ศาสนา เช่
น
ตำ
�นาน
อุ
รั
งคธาตุ
ที่
แสดงให้
เห็
นถึ
งชั
ยชนะใหม่
ต่
อระบบ
ความเชื่
อเดิ
มจากการเคารพนั
บถื
อผี
สู่
การนั
บถื
อพุ
ทธ
และพราหมณ์
ซึ่
งผสมผสานกลมกลื
นดั
งนั้
นจะเห็
นได้
ว่
าบรรดานาคได้
กลายเป็
นผู้
พิ
ทั
กษ์
ศาสนา และสถาบั
น
กษั
ตริ
ย์
ดั
งนั้
นจึ
งเป็
นที่
มาของการนำ
�ลั
กษณะของงู
หรื
อนาค เข้
าไปเป็
นองค์
ประกอบทางงานช่
างต่
างๆ
ที่
เกี่
ยวเนื่
องกั
บลั
ทธิ
ความเชื่
อดั่
งปรากฏสถาปั
ตยกรรม
ประเภทศาสนาคารในเวลาต่
อมา ส่
วนในด้
านเอกลั
กษณ์
และรู
ปแบบก็
ย่
อมแปลกแตกต่
างกั
นไปตามแต่
รสนิ
ยม
ในเชิ
งช่
างที่
สั่
งสมถ่
ายทอดสื
บต่
อกั
นมาในแต่
ละ
สายสกุ
ลช่
าง ในกลุ่
มวั
ฒนธรรมไทย-ลาวอี
สานชื่
อนาคยั
ง
ปรากฏคำ
�ในภาษาถิ่
นที่
ต่
างออกไปอี
กเช่
น
งู
ซวง
ในนิ
ทาน
สั
งข์
สิ
นไซ
และในสารานุ
กรมไทย
ฉบั
บปรี
ชา พิ
ณทอง
ได้
อธิ
บายว่
า
ลวงคื
อนางนาค
เรี
ยก
นางลวง
ซึ่
งสอดคล้
องกั
บ
มหาสิ
ลา วี
ระวงศ์
ซึ่
งอธิ
บายว่
า “ลวง” นี้
หมายความว่
า
นาค (ลวงเป็
นคำ
�ลาว นาคเป็
นคำ
�บาลี
)
ใน
ตำ
�นานอุ
รั
งคธาตุ
กั
ณฑ์
ที่
๒ พุ
ทธประวั
ติ
ยั
งบรรยายถึ
ง การเผยแพร่
พระพุ
ทธศาสนาโดยการ
สร้
างรอยพระพุ
ทธบาทในที่
ต่
างๆ ซึ่
งเป็
นยุ
คก่
อนจะมี
พระพุ
ทธรู
ป ตลอดจนการทำ
�ให้
พวกนาคยอมรั
บนั
บถื
อ
พุ
ทธศาสนา มี
ข้
อสั
นนิ
ษฐานว่
า แต่
เดิ
มมาคนเผ่
าอ้
าย
ลวดลายงู
เขี
ยนสี
บนเครื่
องปั้
นดิ
นเผาที่
บ้
านเชี
ยง
จั
งหวั
ดอุ
ดรธานี
เป็
นลั
ทธิ
ความเชื่
อในคติ
บู
ชางู
ที่
อยู่
ในงานช่
างของใช้
ในพิ
ธี
กรรม
๓๐