ดอกบั
ว เพื่
อเป็
นอนุ
สรณ์
แก่
บ้
านเมื
องเดิ
ม ครั้
นต่
อมาเมื่
อ
อำ
�เภอยโสธร และอำ
�นาจเจริ
ญซึ่
งอยู่
ในเขตปกครองของ
จั
งหวั
ดอุ
บลราชธานี
ได้
รั
บการยกฐานะขึ้
นเป็
นจั
งหวั
ด
ใน พ.ศ. ๒๕๑๕ และ พ.ศ. ๒๕๓๖ ตามลำ
�ดั
บ ก็
ได้
นำ
�
ดอกบั
วมาเป็
นองค์
ประกอบในตราสั
ญลั
กษณ์
ของจั
งหวั
ด
ด้
วย เพื่
อเป็
นอนุ
สรณ์
ว่
าเคยเป็
นส่
วนหนึ่
งของจั
งหวั
ด
ด้
วย เพื่
อเป็
นอนุ
สรณ์
ว่
าเคยเป็
นส่
วนหนึ่
งของจั
งหวั
ด
อุ
บลราชธานี
มาก่
อน
จั
งหวั
ดหนองบั
วลำ
�ภู
เป็
นจั
งหวั
ดใหม่
ของ
ประเทศไทยตั้
งขึ้
นเมื่
อปี
พ.ศ. ๒๕๓๖ พร้
อมกั
บจั
งหวั
ด
อำ
�นาจเจริ
ญ และจั
งหวั
ดสระแก้
ว เดิ
มมี
ฐานะเป็
นอำ
�เภอ
หนึ่
งของจั
งหวั
ดอุ
ดรธานี
ประวั
ติ
ของเมื
องก่
อตั้
งขึ้
นในปี
พ.ศ. ๒๔๓๘ ตรงกั
บรั
ชสมั
ยพระบาทสมเด็
จพระนั่
งเกล้
า
เจ้
าอยู่
หั
ว มี
นามว่
า เมื
องกมุ
ทธไสยบุ
รี
รั
มย์
เรี
ยกเป็
น
สามั
ญว่
า เมื
องกมุ
ทาสั
ย สมเด็
จพระบรมวงศ์
เธอ กรม
พระยาดำ
�รงราชานุ
ภาพทรงสื
บความได้
ว่
า บริ
เวณแห่
งนี้
ครั้
นสมั
ยอยุ
ธยา เคยเป็
นเมื
องหน้
าด่
านมี
ชื่
อปรากฏ
ในพระราชพงศาวดารว่
า เมื
องหนองบั
วลำ
�ภู
มี
ความ
สำ
�คั
ญเนื่
องมาจากสมเด็
จพระนเรศวรมหาราชได้
เสด็
จมา
ประชวรพระโรคไข้
ทรพิ
ษขณะกำ
�ลั
งนำ
�กองทั
พไปตี
เมื
องศรี
สั
ตนาคนหุ
ต จึ
งมี
รั
บสั่
งให้
เปลี่
ยนกลั
บไปใช้
ชื่
อเมื
องเดิ
มว่
า หนองบั
วลำ
�ภู
ตราสั
ญลั
กษณ์
ประจำ
�
จั
งหวั
ดจึ
งอั
ญเชิ
ญภาพพระบรมฉายาลั
กษณ์
สมเด็
จ
พระนเรศวรมหาราช ทรงพระแสงดาบ ประทั
บยื
น
หน้
าศาลาทรงไทยซึ่
งตั้
งอยู่
ริ
มฝั่
งหนองบั
วลำ
�ภู
จั
งหวั
ดสระแก้
ว
ในอดี
ตคื
อเมื
องหน้
าด่
าน
สำ
�คั
ญทางชายแดนภาคตะวั
นออก มี
อาณาเขตติ
ดต่
อ
กั
บราชอาณาจั
กรกั
มพู
ชาในปี
พ.ศ. ๒๓๒๓ สมเด็
จ
พระเจ้
าตากสิ
นมหาราชโปรดเกล้
าฯให้
เสด็
จเจ้
าพระยา
มหากษั
ตริ
ย์
ศึ
ก เป็
นแม่
ทั
พยกไปตี
กรุ
งกั
มพู
ชา ทรงพบ
สระน้ำ
�โบราณสองสระ โปรดฯให้
หยุ
ดทั
พอาศั
ยน้ำ
�ใน
สระทั้
งสองบริ
โภคใช้
สอย จึ
งพระราชทานนามสระทั้
ง
สองนี้
ว่
า สระแก้
วสระขวั
ญ ต่
อมาถื
อกั
นว่
ามี
น้ำ
�บริ
สุ
ทธิ์
และศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ใช้
ประกอบพระราชพิ
ธี
ถื
อน้ำ
�พิ
พั
ฒน์
สั
ตยา
ตลอดมา ตราสั
ญลั
กษณ์
ประจำ
�จั
งหวั
ดเป็
นรู
ปสระแก้
วอั
น
กว้
างใหญ่
อุ
ดมด้
วยดอกบั
ว กลางสระมี
พระพุ
ทธรู
ปประจำ
�
จั
งหวั
ดปางสรี
ระประทั
บยื
นบนดอกบั
วบาน
จั
งหวั
ดหนองคาย
จั
งหวั
ดใหญ่
และสำ
�คั
ญจั
งหวั
ด
หนึ่
งของภาคอี
สานตอนบน ความจริ
งหนองคายเคย
เป็
นชื่
อเมื
องเก่
าที่
ตั้
งใกล้
กั
บนครจำ
�ปาศั
กดิ์
ครั้
นเมื่
อท้
าว
อสุ
ธรรม สถาปนาเมื
องใหม่
ก็
ได้
นำ
�ชื่
อหนองคายมาตั้
ง
ให้
กั
บเมื
องใหม่
แต่
เดิ
มบริ
เวณมี
มรชุ
มชนชื่
อว่
า บ้
านไผ่
กั
บมี
หนองน้ำ
�กว้
างใหญ่
อยู่
ทางทิ
ศตะวั
นตกของเมื
อง จึ
ง
ถื
อเอาสั
ญลั
กษณ์
มงคลเป็
นรู
ปกอไผ่
ขึ้
นอยู่
ริ
มหนองน้ำ
�ที่
อุ
ดมด้
วยดอกบั
วงามเป็
นสั
ญลั
กษณ์
ประจำ
�จั
งหวั
ด
จั
งหวั
ดพิ
จิ
ตร
ฟั
งชื่
อแล้
วไม่
น่
ามี
อะไรเกี่
ยว
กั
บบั
ว แต่
ภู
มิ
ประเทศของพิ
จิ
ตรอุ
ดมด้
วยแหล่
งน้ำ
�
ธรรมชาติ
มี
ชื่
อในอดี
ตว่
า เมื
องสระหลวง ประกอบกั
บ
ความสำ
�คั
ญทางประวั
ติ
ศาสตร์
ด้
วยสมเด็
จพระเจ้
าเสื
อ
ทรงมี
พระราชสมภพ ณ ตำ
�บลโพธิ์
ประทั
บช้
าง ดั
งนั้
น
ตราสั
ญลั
กษณ์
ประจำ
�จั
งหวั
ดจึ
งประกอบไป
ด้
วยสระหลวงที่
มี
ดอกบั
วงามกั
บต้
นโพธิ์
อั
นหมายถึ
ง โพธิ
์
ประทั
บช้
าง นอกจากนี
้
ดอกไม้
สั
ญลั
กษณ์
ของชาวพิ
จิ
ตรก็
ยั
งเป็
นดอกบั
ว
นอ ก จ า กบั
ว จ ะ มี
ค ว า มสำ
� คั
ญต่
อ
บ้
านเมื
องระดั
บจั
งหวั
ดแล้
ว ในท้
องที่
ระดั
บ
เขตและอำ
�เภอ ก็
ยั
งมี
ประวั
ติ
ความเป็
นมา
ที่
สั
มพั
นธ์
กั
บบั
วอยู่
หลายแห่
ง และหลาย
ลั
กษณะ เป็
นต้
นว่
า
๒๗