ท่
านบรมครู
ได้
กำ
�หนดไว้
ว่
ามี
“ไม้
ขึ้
น”
(ไม้
เดิ
น) ห้
าไม้
“ไม้
ลง”
สี่
ไม้
เรี
ยกว่
า
“ไม้
ลา”
เป็
นกฎตายตั
วของท่
ารำ
� แต่
ได้
มี
ครู
หลายท่
าน
ได้
ดั
ดแปลงท่
ารำ
�เสี
ยใหม่
เพื่
อให้
เกิ
ดความเหมาะสมและสวยงาม
แล้
วตั้
งชื่
อใหม่
ว่
า
“เสมอควง”
โดยไม่
ให้
มี
ท่
าซ้ำ
�กั
บเสมอธรรมดา
และโดยมากจะใช้
ต่
อเมื่
อมี
ผู้
แสดงออกมาพร้
อมกั
นสองคน อาจ
เป็
นพระกั
บนาง ถึ
งเวลาแสดงเมื่
อเรี
ยกเสมออย่
างหนึ่
งอย่
าง
ใดก็
จะรำ
�ได้
ทั
นที
ผิ
ดกั
บแต่
ว่
าจะต้
องเปลี่
ยนท่
าทางออกไปจาก
เดิ
มเท่
านั้
น ส่
วนจั
งหวะของเพลงยั
งคงเดิ
มไม่
เปลี่
ยนแปลงแต่
ประการใด
เพลงเสมอนี้
มี
อี
กหลายอย่
าง แล้
วแต่
ฐานะของตั
วละคร
ในท้
องเรื่
อง โบราณาจารย์
ทางนาฏศิ
ลป์
ได้
จั
ดประเภทไว้
แต่
ละ
อย่
างต่
างๆกั
น มนุ
ษย์
ให้
ใช้
หน้
าพาทย์
อย่
างหนึ่
ง อสู
รให้
ใช้
หน้
า
พาทย์
อี
กอย่
างหนึ่
ง เทพบุ
ตรเทพธิ
ดา สมณะชี
พราหมณ์
สั
ตว์
ตลอดจนภู
ตผี
ปี
ศาจก็
ใช้
หน้
าพาทย์
แตกต่
างกั
น นอกจากนั้
นถ้
า
แบ่
งฐานะสู
ง ต่ำ
� ต่
างกั
น ก็
ใช้
เพลงหน้
าพาทย์
เสมอแตกต่
างกั
น
ออกไป
นอกจากนี้
แล้
วยั
งมี
เพลงเสมอที่
แยกออกไปตามสั
ญชาติ
ต่
างๆ อี
ก เช่
น เสมอมอญ เสมอลาว เสมอพม่
า เสมอแขก แตก
ต่
างกั
นออกไป ที่
กล่
าวเช่
นนี้
ไม่
ได้
หมายความว่
าการร่
ายรำ
�หรื
อ
การบรรเลงของเราจะไปนำ
�ของใครมา เพราะที่
แท้
แล้
วไม่
ว่
าจะ
เป็
นการบรรเลงหรื
อท่
ารำ
� เนื้
อแท้
แล้
วก็
ยั
งเป็
นเพลงเป็
นท่
ารำ
�
ของไทย เพี
ยงแต่
ผู้
ประดิ
ษฐ์
ได้
เลี
ยนแบบให้
เหมื
อนของชาติ
ใด
ก็
ได้
ทุ
กประการ โดยใส่
ทวงทำ
�นองและลั
กษณะของแต่
ละชาติ
นั้
นๆ เข้
าไป ลั
กษณะดั
งกล่
าวในภาษานาฏศิ
ลป์
เรี
ยกกั
นว่
า “เสมอ
ตามสภาพ” และเพื่
อให้
เข้
าใจในเรื่
องราวของเพลงหน้
าพาทย์
ทั้
ง
สองนี้
เป็
นที่
กว้
างขวางละเอี
ยดยิ่
งขึ้
นไปจะได้
กล่
าวถึ
งการใช้
เพลง
หน้
าพาทย์
เชิ
ดและเสมอนี้
เรี
ยกกั
นไปตามลำ
�ดั
บ
เริ่
มด้
วย “เพลงเชิ
ดฉิ่
ง” เพลงเชิ
ดฉิ่
งเป็
นเพลงหน้
าพาทย์
ประกอบการรำ
�ได้
ทั้
งพระนาง ยั
กษ์
แต่
ท่
ารำ
�ของแต่
ละประเภท
นี้
มิ
ได้
มี
ท่
ารำ
�ที่
แน่
นอนตายลงไป เพราะนั้
นท่
ารำ
�เชิ
ดฉิ่
งมั
กใช้
ในตอนสำ
�คั
ญๆ ของเรื่
อง เช่
นการแสดงโขนใช้
ตอนอิ
นทรชิ
ต
แผลงศรพรหมาศไปต้
องพระลั
กษณ์
ตอนสามลิ
งค้
นหาปากอุ
โมงหรื
อในละครเรื่
องสั
งข์
ทองตอนรจนาจะทิ้
งพวงมาลั
ยให้
เจ้
า
เงาะ ละคร เรื่
องอิ
เหนา ตอนตั
ดดอกไม้
ในบทพระราชนิ
พนธ์
ที่
กล่
าวว่
าเพลงเชิ
ดฉิ่
งนี้
ใช้
ในตอนสำ
�คั
ญๆ ท่
วงทำ
�นองเพลงเริ่
ม
แรกดำ
�เนิ
นไปอย่
างเรี
ยบๆ ครั้
นพอได้
จั
งหวะที่
จะแผลงศรของ
พระรามนั้
น แทนที่
จะใช้
เพลงเชิ
ดฉิ่
งนั้
นกลั
บมาต้
องใช้
เพลง “ศร
ทะนง”
นอกจากเชิ
ดฉิ่
งธรรมดาแล้
ว มี
เฉิ
ดชิ่
งต่
างหากอี
กเพลง
คื
อเชิ
ดฉิ่
งศุ
ภลั
กษณ์
ในละครเรื่
องอุ
ณรุ
ทซึ่
งมี
ท่
ารำ
�ที่
สวยงามและ
ออกจะหาดู
ได้
ยาก ซึ่
งทราบว่
าขณะนี้
มี
ครู
ที่
รำ
�ได้
คื
อ คุ
ณแม่
เฉลย
สุ
ขวณิ
ช ผู้
เชี่
ยวชาญการสอนนาฏศิ
ลป์
ของวิ
ทยาลั
ยนาฏศิ
ลป์
กรุ
งเทพ และศิ
ลปิ
นแห่
งชาติ
เข้
าใจว่
าคงต่
อให้
กลั
บลู
กศิ
ษย์
ไว้
บ้
างแล้
วและในวั
นครบรอบ ๖๐ ปี
(พ.ศ. ๒๕๓๗) ของวิ
ทยาลั
ย
นาฏศิ
ลป์
กรุ
งเทพ ก็
ได้
ออกรำ
�ถวาย สมเด็
จพระเทพรั
ตนราชสุ
ดาฯ สยามบรมราชกุ
มารี
ณ โรงละครแห่
งชาติ
มาแล้
ว สำ
�หรั
บตั
ว
ยั
กษ์
นั้
นแม่
จะมี
เพลงเชิ
ดฉิ่
งกำ
�หนดไว้
ในการแผลงศรซึ่
งกั
นและ
กั
นจะมาใช้
เพลงเชิ
ดฉิ่
งมิ
ได้
จะต้
องใช้
เพลชงเชิ
ดฉิ่
งศรประจั
น ซึ่
ง
๒๓