Page 21 - fab53

นอกเหนือจากการอ่ านอักษรย่ อที่เกี่ ยวกับเวลา
ระยะทางจำ�นวนเงิ น และอักษรย่อนำ�หน้าชื่อมาบ้างแล้ว
ยั งมีการอ่านอักษรย่อยศทหารและตำ�รวจ ที่ ยังมีผู้อ่าน
ผิด ๆ อยู่บ้างเหมื อนกัน
ยศทหารที่มี ปัญหาอยู่บ้าง ก็คือ ยศนายทหาร
สั ญญาบัตรระดับนายร้อย เช่น “ร.ท.” ซึ่ งนำ�หน้าชื่อ
นั้นอาจหมายถึง “ร้อยโท” “เรือโท” หรือ “เรื ออากาศ
โท” ก็ ได้ ถ้ าเป็นยศนายทหารเรือ ก็ขอให้สังเกตว่ า ท้าย
บรรดาศักดิ์หรือนามสกุลนั้นจะมีอักษรย่อ “ร.น.” อยู่ด้วย
คำ�นี้ย่อมาจาก “ราชนาวี” เวลาอ่านก็ต้องอ่านว่า “เรือโท...
แห่ งราชนาวี” อย่างนี้ก็จะรู้ว่าเป็นนายทหารเรือแน่ ๆ
แต่ ถ้าเขี ยนบอกยศเต็มคือไม่ ย่อ ก็ ไม่ต้องลงท้ายว่า
“ร.น.” เช่น “นาวาเอกสมภพ ภิรมย์” อย่างนี้ ไม่ต้อง
ลง “ร.น.” แต่ถ้าเขียนยศอย่ างย่อ ๆ เป็น “น.อ.” ว่ า
“น.อ. สมภพ ภิรมย์ ” อย่างนี้ต้องมีอักษรย่อ “ร.น.” ต่อ
ท้ายด้ วย เพื่อให้รู้ว่าเป็นนายทหารเรื อ ถ้าไม่มี “ร.น.”
ต่อท้าย ก็แสดงว่าเป็ นนายทหารอากาศ คือ “นาวา
อากาศเอก”
ถ้าเป็นนายทหารบกหรื อทหารอากาศ ยศระดับ
นายร้อย บางทีก็ทำ�ให้สับสนเหมือนกัน เช่น ร.ท. สมหมาย
จันทร์ผ่อง อย่างนี้ อาจเป็น “ร้อยโท” หรือ “เรืออากาศโท”
ก็ ได้ แต่ถ้าเขียนยศเต็ม ก็ ไม่มี ปัญหาอะไร
ยศตำ �รวจจะมี ปั ญหาก็เฉพาะนายตำ �รวจชั้น
ประทวน คือ “จ่า” ซึ่งเขียนย่อว่า “จสต.” บางคน
อ่ านว่า “จ่าสิบตรี ” ถ้าเป็นตำ�รวจชั้นจ่าไม่มี จ่าสิบตรี
จ่าสิบโท หรือ จ่าสิ บเอก มีเพียงระดั บเดียวเท่ านั้น
เรียกว่า “จ่านายสิ บตำ�รวจ” พอเลื่อนอีกขั้นหนึ่งก็เป็น
“ร้ อยตำ�รวจตรี” เป็ นนายตำ�รวจชั้นสั ญญาบัตรเลย
แต่ ในปัจจุ บันนี้ ก็ ยั งไม่แน่ นั ก อาจเลื่อนยศ จาก
“จ่านายสิบตำ�รวจ” เป็น “นายดาบ” ก็ ได้
ปัญหาที่มีผู้สงสัยกั นมาก ก็คือ ยศระดับนายพล
ไม่ว่าจะเป็ นนายพลทหารหรือนายพลตำ �รวจก็ตาม เช่น
“พลตรี ” ก็ ย่อเป็น “พล.ต.” “พลเรือตรี” ก็ย่ อเป็น
“พล. ร.ต.” หรือ “พลตำ �รวจตรี” ก็ ย่อเป็น “พล. ต.ต.”
ความจริงคำ�ว่ า “พล” ไม่ใช่อั กษรย่อจึ งไม่น่ าจะมีจุด
ต่อท้ายเลย แล้วทำ�ไมจึ งต้องเขียนมีจุ ดต่อท้ายด้วย
ทั้งนี้เพราะตามปรกติจุดจะต่อท้ายคำ�อักษรย่ อ ในที่นี้
จึงไม่น่าจะต้องเติมจุดต่อท้าย คำ�ว่า “พล” เลย เรื่อง
นี้สันนิษฐานว่า คงเป็นเพราะถ้าหากไม่ใส่ จุดต่อท้าย
คำ�ว่า “พล” เวลาเขียนหรือพิมพ์ ถ้าเขียนเร็ว ๆ อาจ
ทำ�ให้คำ�ว่า “พล” กับตัว “ต.” ซึ่งย่อมาจาก “ตรี”
หรือ “ท.” ซึ่ งย่อมาจาก “โท” หรื อ “อ.” ซึ่งย่อมาจาก
“เอก” ไปชิดกั บคำ�ว่า “พล” เป็น “พลต.” “พลท.”
หรือ “พลอ.” ได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็อาจมีผู้อ่าน
เป็น “พฺลด” หรือ “พฺลอ” ได้ เหมือนกันคงเพื่อไม่ให้
เกิดความเข้าใจผิดและอ่ านผิดนี่เอง ท่านจึงใส่จุดท้าย
คำ�ว่า “พล” ทั้ง ๆ ที่ “พล” มิได้ย่ อมาจากคำ�ใดเลย
ก็ตาม.
ผู้เขียน : ศ.จำ �นงค์ ทองประเสริ ฐ
ราชบัณฑิต สำ�นักศิลปกรรม
ที่มา : ภาษาไทยไขขาน
๑๙