Page 13 - fab53

Basic HTML Version

ทรงออกพระราชบั
ญญั
ติ
ห้
ามราษฎรเลี้
ยงไก่
นก และ
ปลากั
ด เอาไว้
ชนกั
นหรื
อกั
ดกั
นเพื่
อเป็
นการพนั
นอี
กด้
วย
ด้
านการต่
างประเทศ
พระองค์
ทรงเห็
นว่
าการ
พาณิ
ชย์
เป็
นทางที่
จะนำ
�รายได้
อย่
างสู
งมาสู่
ท้
องพระคลั
จึ
งทรงพระกรุ
ณาโปรดเกล้
าฯ ให้
พระคลั
งสิ
นค้
าแต่
งเรื
หลวงออกไปทำ
�การค้
าขายบริ
เวณใกล้
เคี
ยง และทรง
จั
ดคณะทู
ตไปเจริ
ญพระราชไมตรี
อาทิ
จี
น โปรตุ
เกส
อั
งกฤษ
ด้
านศิ
ลปวั
ฒนธรรมและวรรณคดี
ในรั
ชกาลของ
พระองค์
นั้
น ถื
อได้
ว่
าเป็
นยุ
คทองแห่
งศิ
ลปะและวรรณคดี
เนื่
องจากพระองค์
ทรงทำ
�การฟื้
นฟู
ศิ
ลปวั
ฒนธรรม
ประเพณี
และวรรณคดี
อั
นเป็
นสิ่
งที่
แสดงให้
เห็
นถึ
เอกลั
กษณ์
และความเป็
นชาติ
ด้
านศิ
ลปวั
ฒนธรรม
พระองค์
ทรงพระกรุ
ณา
โปรดเกล้
าฯ ให้
สร้
างปราสาทราชมณเฑี
ยรน้
อยใหญ่
เป็
จำ
�นวนมาก มี
การจั
ดให้
หล่
อพระพุ
ทธรู
ปขึ้
น เช่
น พระพุ
ทธ
ธรรมิ
ศรราชโลกธาตุ
ดิ
ลก ซึ่
งเป็
นพระประธานประดิ
ษฐาน
อยู่
ในพระอุ
โบสถวั
ดอรุ
ณราชวราราม นอกจากนี้
ทรงสน
พระทั
ยในงานปั้
นและงานแกะสลั
ก เช่
น การแกะสลั
บานประตู
พระวิ
หารพระศรี
ศากยมุ
นี
วั
ดสุ
ทั
ศนเทพวรา
ราม ซึ่
งมี
ความงดงามมาก
ด้
านนาฏกรรมศิ
ลปะการละครและการดนตรี
ในรั
ชกาลของพระองค์
นั
บว่
ามี
ความเฟื่
องฟู
มาก จนมี
ความเป็
นเอกลั
กษณ์
มาจนถึ
งทุ
กวั
นนี้
เช่
น ซอสามสาย
ซึ่
งพระองค์
ทรงโปรดปรานมากและมี
ความถนั
ดในดนตรี
ประเภทนี้
จึ
งทำ
�ให้
พระองค์
ทรงดนตรี
ประเภทนี้
ได้
อย่
าง
ไพเราะ
ส่
วนด้
านวรรณคดี
นั้
น พระองค์
ทรงสนพระทั
ยใน
เรื่
องของกวี
เป็
นอย่
างมาก ถื
อได้
ว่
าเป็
นยุ
คที่
วรรณคดี
มี
ความเจริ
ญรุ่
งเรื
องที่
สุ
ด จนได้
รั
บการยกย่
องว่
าเป็
ยุ
คทองของวรรณคดี
ไทย สาเหตุ
ที่
ได้
ชื่
อว่
าเป็
นยุ
คทอง
เนื่
องจากมี
บทพระราชนิ
พนธ์
หลายเรื่
อง และมี
กวี
เกิ
ขึ้
นในรั
ชกาลของพระองค์
เป็
นจำ
�นวนมาก พระองค์
ทรง
พระราชนิ
พนธ์
บทละครหลายเรื่
องด้
วยกั
น ซึ่
งแต่
ละเรื่
อง
ล้
วนใช้
ถ้
อยคำ
�สำ
�นวนร้
อยกรองอย่
างไพเราะมาก มี
การ
เล่
นสั
มผั
ส เล่
นคำ
� ได้
อย่
างถู
กต้
องตามแบบแผน และ
พระราชนิ
พนธ์
ของพระองค์
ได้
รั
บการยกย่
องจาก
วรรณคดี
สโมสร จึ
งทำ
�ให้
เป็
นที่
ประจั
กษ์
ว่
า พระองค์
ทรง
มี
พระอั
จฉริ
ยภาพทางวรรณคดี
เป็
นอย่
างดี
และวรรณคดี
ที่
พระองค์
ทรงพระราชนิ
พนธ์
ก็
มี
อยู่
หลายเรื่
องด้
วยกั
เช่
น สั
งข์
ทอง ไกรทอง มณี
พิ
ชั
ย คาวี
รามเกี
ยรติ์
อิ
เหนา
สั
งข์
ศิ
ลป์
ชั
ย ขุ
นช้
างขุ
นแผน กาพย์
เห่
เรื
อ เป็
นต้
จากพระปรี
ชาสามารถด้
านศิ
ลปวั
ฒนธรรม
และวรรณคดี
ของพระองค์
รั
ฐบาลได้
มี
มติ
ให้
วั
นที่
๒๔ กุ
มภาพั
นธ์
ซึ่
งเป็
นวั
นคล้
ายวั
นพระราชสมภพ
ของพระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธเลิ
ศหล้
านภาลั
ย เป็
วั
นศิ
ลปิ
นแห่
งชาติ
เพื่
อเป็
นการแสดงความสำ
�นึ
กใน
พระมหากรุ
ณาธิ
คุ
ณแห่
งองค์
พระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธ
เลิ
ศหล้
านภาลั
ยตลอดจนเพื่
อส่
งเสริ
มสนั
บสนุ
นศิ
ลปิ
นให้
เจริ
ญรอยตามเบื้
องพระยุ
คลบาท และยั
งเป็
นการยกย่
อง
เชิ
ดชู
เกี
ยรติ
บุ
คคลผู้
สร้
างสรรค์
ผลงานศิ
ลปะของชาติ
ให้
เป็
นที่
ปรากฏต่
อสาธารณชนด้
วย
เนื่
องในโอกาสวั
นคล้
ายวั
นพระราชสมภพของ
พระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธเลิ
ศหล้
านภาลั
ย ๒๔ กุ
มภาพั
นธ์
ที่
จะถึ
งนี้
สำ
�นั
กงานคณะกรรมการวั
ฒนธรรมแห่
งชาติ
กระทรวงวั
ฒนธรรม จึ
งขอเชิ
ญชวนหน่
วยงานทั้
งภาค
รั
ฐ เอกชนและประชาชนชาวไทยทุ
กคนร่
วมน้
อมรำ
�ลึ
ถึ
งพระมหากรุ
ณาธิ
คุ
ณของพระองค์
ท่
าน ที่
ทรงทำ
�นุ
บำ
�รุ
งพั
ฒนาบ้
านเมื
องของเราให้
มี
ความเจริ
ญรุ่
งเรื
องใน
ทุ
กด้
าน โดยเฉพาะในด้
านศิ
ลปวั
ฒนธรรมและวรรณคดี
ไทย ที่
ทรงรั
กษา อนุ
รั
กษ์
และสื
บทอดให้
มี
ความเป็
เอกลั
กษณ์
ของชาติ
ไทยไว้
ได้
สื
บไป
**********************
เรี
ยบเรี
ยงจากหนั
งสื
๕๓ พระมหากษั
ตริ
ย์
ไทย ธ ทรงครองใจไทยทั้
งชาติ
๑๑