๓๐
ก็
ไม่
สามารถจะข้
ามไปได้
พระรามจึ
งต้
องระดมพลให้
เสนา
วานรช่
วยกั
นขนศิ
ลามาถมทะเลทำ
�เป็
นถนนเพื่
อกรี
ฑาทั
พ
ไปยั
งลงกา เมื่
อเสร็
จแล้
วพระรามก็
เดิ
นทั
พไปด้
วยเพลง
หน้
าพาทย์
เสมอข้
ามสมุ
ทร ด้
วยบทโขน ดั
งนี้
เสด็
จทรงรถองค์
อั
มริ
นทร์
งามเพี
ยงองค์
อิ
นทร์
เมื่
อยามทรงราชเวชยั
นต์
พร้
องพวกพลหลพลขั
นธ์
โดยเสด็
จทรงธรรม์
เคลื่
อนข้
ามมหาสาคร
(เสมอข้
ามสมุ
ทร)
พญาเดิ
น เป็
นเพลงที่
ใช้
ในการสั
ญจรไปมาระ
หว่
างยั
กษ์
ที่
ศั
กดิ์
สู
ง นั
บแต่
ยั
กษ์
ต่
างเมื
อง ไปจนถึ
ง ยั
กษ์
อุ
ปราช เพลงหน้
าพาทย์
นี้
เดิ
มใช้
เฉพาะตั
วแสดงเป็
นยั
กษ์
เท่
านั้
น และส่
วนมากมั
กจะใช้
เฉพาะการเข้
าไปเฝ้
าผู้
ใหญ่
เท่
านั้
น เช่
น อิ
นทรชิ
ต กุ
มภกรรม ขึ้
นเฝ้
าทศกั
ณฐ์
ดั
ง
ตั
วอย่
างของบทโขนเมื่
ออิ
นทรชิ
ตจะขึ้
นเฝ้
าทศกั
ณฐ์
ดั
งนี้
เมื่
อนั้
น
อิ
นทรชิ
ตฟั
งแจ้
งแถลงไข
จึ
งแต่
งองค์
อสุ
ราและคลาไคล
สาวสวรรค์
กำ
�นลในก็
ตามมา
(พญาเดิ
น)
ตระ
ตระเป็
นเพลงหน้
าพาทย์
ที่
จั
ดอยู่
ในประเภท
“เพลงครู
” ใช้
แสดงความหมายในทางศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ทั้
งสิ้
น
และชื่
อของเพลงแต่
ละเพลงก็
ได้
บ่
งลั
กษณะการใช้
เกื
อบ
ทุ
กเพลง ดั
งนี้
ตระเชิ
ญ เป็
นเพลงหน้
าพาทย์
ที่
ใช้
ในการทำ
�พิ
ธี
ต่
างๆ เสี
ยเป็
นส่
วนใหญ่
เป็
นต้
นว่
าในตอนเริ่
มปลุ
กเสก
คาถาอาคม อั
ญเชิ
ญเทวดา หรื
อ ครู
บาอาจารย์
ผู้
ประสิ
ทธิ
ประสาทวิ
ทยามาชุ
มนุ
ม ณ พิ
ธี
อั
นศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ดั
งตั
วอย่
าง
บทโขนตอนอภิ
เษกสมรส ดั
งนี้
• เชิ
ญผองสระพร้
อม อวยพร
พู
ลเพิ่
มผลสวั
สดิ์
โปรดให้
สมกิ
จพิ
ธี
กรณ์
สมมาด
สั
มฤทธิ์
ได้
ดั
งประสงค์
ขอแปดองค์
กษั
ตรา มาภิ
เษกบั
ดนี้
เสวยสุ
ขทุ
กเมื่
อลี้
ดำ
�รงรั
กคู่
ชู้
รั
กยิ่
งรกบู่
รู้
จื
ดจาง
ขอต่
างองค์
ทรงยศ ทุ
กสภาพโสดถ์
เทอญ
(ตระเชิ
ญ)
ตระนิ
มิ
ต
เป็
นเพลงหน้
าพาทย์
ในการแปลงกาย
หรื
อนิ
มิ
ตสิ่
งหนึ่
งสิ่
งใดขึ้
นมา แต่
ถ้
าวงการนาฏศิ
ลปจะ
จั
ดระบบท่
ารำ
�ไว้
สองลั
กษณะ ถ้
าต้
องการนิ
มิ
ตสิ่
งหนึ่
งสิ่
ง
ใดขึ้
นมาหรื
อชุ
บชี
วิ
ตสิ่
งหนึ่
งสิ่
งใดขึ้
นมาก็
จะเรี
ยกเพลง
ตระนิ
มิ
ต แต่
ถ้
าแปลงกายจากรู
ปหนึ่
งไปอี
กรู
ปหนึ่
งบรรดา
นาฏศิ
ลปะโขนจะเรี
ยกว่
า
“ตระแปลง”
หรื
อ
“ตระบท”
แต่
ถ้
าหมายถึ
งเพลงเดี
ยวกั
น ที่
เรี
ยกตระแปลงนั้
นก็
เพื่
อให้
ผู้
แสดงเข้
าใจว่
าจะต้
องแสดงท่
าทางก่
อนจะแปลงเป็
น
อะไร เช่
น โขนตอนพระรามตามกวาง เมื่
อมาศรี
ถู
กทศกั
ณฐ์
ใช้
ให้
แปลงกายเป็
นกวางทอง มาศรี
ก็
รั
บคำ
�ออกมายื
น
ปี่
พาทย์
จะบรรเลงเพลงตระนิ
มิ
ต แต่
ผู้
รำ
�นั้
นจะต้
อง
แสดงท่
าทางออกมาก่
อนว่
า ตั
วเราจะแปลงกายเป็
นก
วางทอง แล้
วจึ
งร่
ายรำ
�ไปตามจั
งหวะท่
าทางที่
ได้
สอนกั
น
ไว้
แต่
ถ้
าเป็
นการนิ
มิ
ตสิ่
งใดสิ่
งหนึ่
งจากนามธรรมให้
เป็
น
รู
ปธรรม หรื
อที่
ตายแล้
วต้
องการให้
ฟื้
นขึ้
นมาใหม่
เช่
น
โขนตอนกำ
�เนิ
ดนางมณโฑมี
เนื้
อเรื่
องว่
า พระฤษี
ทั้
งสี่
ตนซึ่
งมี
ชื่
อว่
าพระอตั
นตาฤษี
พระวชิ
รามุ
ณี
พระวิ
สู
ตร
พระมหาโรมสิ
งค์
ทั้
งที่
ตนได้
อาศั
ยอยู่
ในป่
า และมี
โคนมมา
ห้
าร้
อยตั
วได้
หยดนมไว้
ในอ่
างเพื่
อให้
พระฤษี
ทั้
งสี่
ตนได้
ฉั
นประจำ
�ทุ
กเช้
าที่
เหลื
อก็
ให้
ทานแก่
นางกบทุ
กวั
น อยู่
มา
วั
นหนึ่
งได้
มี
นางนาคี
ซึ่
งเป็
นบุ
ตรของพระยากาลนาคา