Page 25 - apr53

วังแห่งนั้น ได้เขียนลงในนิตยสารอาหารโรงแรม ท่องเที่ยว ฉบับ
หนึ่งมาถ่ายทอด เพราะเห็นว่ าเป็นเรื่องน่ารู้น่าสนใจ จึงขอใคร่
อนุญาตเก็บความมาเล่าต่ออีครั้งหนึ่ง
ท่านเล่าไว้ว่าในช่วงหน้ าร้อนในวังสุนันทาจะต้องมี ข้าวแช่
เป็ นเครื่องพิเศษ ข้ าวแช่ ในวังนี้จะขัดจนเม็ดใสเป็นแก้ว เหลื อแต่
แกน วิธีทำ� คือหุงข้าวให้สวยชนิดยังมีไตแล้วนำ�ไปใส่กระด้ง เอา
น้ำ�ราดไปถูไปจนข้างนอกไม่เหลื อ เหลือแต่ แกนในนิดเดียว แล้วจึง
ค่อยๆ ประคองวางบนผ้าขาว ห่อแล้วนึ่งอีกครั้งเพียงครู่เดียวจึงยก
ลง ตั้งทิ้งไว้ ให้เย็น ส่วนน้ำ�ข้าวแช่ท่านจะใช้หญ้าฝรั่น ๓-๔ เส้ น
โกร่ง พร้อมพิมเสน ๒-๓ เกล็ดบดให้ละเอียด แล้วใส่น้ำ�ดอกไม้เทศ
ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วจึงนำ�มาเทลงในน้ำ�อบลอยดอกมะลิ ซึ่งจะ
ทำ�ให้มีกลิ่ นหอมอย่างเหลือเกิน จากนั้นถ่ายน้ำ�ใส่โถแก้วเจียระไน
ที่ใสวาว โรยกลีบกุหลาบมอญหรื อดอกชมนาดลงไปจะทำ�ให้เพิ่ ม
สี สันงามตา น่ารับประทานยิ่งนัก
นี่เป็นข้าวแช่วังสุนันทา ซึ่งสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาล
ที่ ๕ ท่านทรงจำ �ตำ�รับมาจากจั งหวัดเพชรบุรี และทรงแนะนำ�ให้
ห้องเครื่องภายใต้การนำ�ของสมเด็จพระวิมาดาฯ ทรงทำ�บ้างจน
ถูกพระราชประสงค์ จึงเกิดมี ข้าวแช่สวนสุนันทา ขึ้ นมาตั่งแต่นั้น
ส่ วนตำ �รับข้ าวแช่เมืองเพชร ซึ่งเป็ นต้นตำ�รั บข้าวแช่ใน
วังนั้ น หม่อมหญิ งพูนพิ ศมัย ดิศกุ ล ได้ทรงเล่าให้ คุณสมจิตร
สิ ทธิ ไชย อดี ตผู้ อำ �นวยการวิ ทยุแห่ งประเทศไทย ฟั งว่ า
ข้ าวแช่ มีชื่ อเสียงอยู่ที่เมื องเพชรบุรี ทั้งนี้ก็ เพราะว่าที่เพชรบุรี
มี น้ำ�ที่ ขึ้นชื่อลือนาม
ว่าเป็ นน้ำ�ดีมาก ใส
สะอาด บริสุ ทธิ์ วิธี
ที่เขาหุงข้าว เข้าหุง
ให้ พอเป็ นไตยั งไม่
สุ กทีเดี ยว แล้วเทใส่
กระด้ งแล้ วต่างคน
ต่างยกกระด้งไปที่ริม
น้ำ� นำ�ข้าวในกระด้ง
นั้นไปแช่น้ำ�นิดหน่อย
แล้ วใช้ มื อปัดถู ข้ าว
ให้ เป็ นรู ปแหลมทั้ ง
หัวทั้งท้าย จนกระทั่ง
สวยเรียบร้ อยดีแล้ว
เขาก็ เอากลั บขึ้ นมา
๒๓