Page 18 - apr53

Basic HTML Version

ภาษาไทยมี
ลั
กษณะพิ
เศษแตกต่
าง
จากภาษาของชาติ
อื่
ตรงที่
มี
การใช้
คำ
�ต่
างๆ
ที่
หลากหลาย มี
เอกลั
กษณ์
เป็
นของตนเอง มี
วั
ฒนธรรม
ทางภาษาที่
ใช้
สื่
อสารกั
ด้
วยความเคารพ นั
บถื
ศรั
ทธา และยกย่
องมา
ตั้
งแต่
โบราณกาล มี
การแบ่
งระดั
บของภาษาเพื่
อที่
จะใช้
ให้
เหมาะสมตามฐานะของบุ
คคล สั
มพั
นธภาพระหว่
าง
บุ
คคล ตามโอกาสและกาลเทศะ ซึ่
งเป็
นเรื่
องของการใช้
คำ
ราชาศั
พท์
นั่
นเอง
คำ
�ราชาศั
พท์
ถ้
าแปลตามรู
ปศั
พท์
หมายถึ
ง ถ้
อยคำ
สำ
�หรั
บพระราชา แต่
ในตำ
�ราภาษาไทย
วจี
วิ
ภาค ของพระยา
อุ
ปกิ
ตศิ
ลปสาร (นิ่
ม กาญจนาชี
วะ) ได้
กำ
�หนดความ
หมายของคำ
�ราชาศั
พท์
กว้
างออกไปว่
าเป็
นการใช้
ถ้
อยคำ
กั
บบุ
คคลที่
ควรเคารพตั้
งแต่
พระมหากษั
ตริ
ย์
เจ้
านาย
พระภิ
กษุ
ข้
าราชการ และสุ
ภาพชน
คำ
�ราชาศั
พท์
ที่
ใช้
สำ
�หรั
บพระภิ
กษุ
ถื
อได้
ว่
าเป็
ภาษาพิ
เศษที่
ใช้
แตกต่
างกั
บบุ
คคลทั่
วไป เช่
น ฉั
นภั
ตตาหาร
บุ
คคลทั่
วไปใช้
ว่
า กิ
นอาหาร จำ
�วั
ด บุ
คคลทั่
วไปใช้
ว่
า นอน ถวาย
บุ
คคลทั่
วไปใช้
ว่
า มอบให้
อาพาธ บุ
คคลทั่
วไปใช้
ว่
า เจ็
ป่
วย สรง บุ
คคลทั่
วไปใช้
ว่
า อาบน้ำ
� ทำ
�วั
ตร บุ
คคลทั่
วไป
ใช้
ว่
า สวดมนต์
มรณภาพ บุ
คคลทั่
วไปใช้
ว่
า ตาย หรื
ถึ
งแก่
กรรม เป็
นต้
นอกจากนี้
การใช้
คำ
�ราชาศั
พท์
สำ
�หรั
บพระภิ
กษุ
ที่
ทรง
สมณศั
กดิ์
ก็
ต้
องใช้
ให้
เหมาะสมกั
บสมณศั
กดิ์
ของพระองค์
เช่
น การใช้
คำ
�ราชาศั
พท์
กั
บ สมเด็
จพระสั
งฆราช ฐานั
นดรศั
กดิ์
ของพระองค์
จะเป็
นเสมื
อนพระราชวงศ์
ชั้
น “พระองค์
เจ้
า”
คำ
�พู
ดที่
ใช้
ต้
องใช้
คำ
�ราชาศั
พท์
สำ
�หรั
บพระองค์
เจ้
าชั้
พระเจ้
าวรวงศ์
เธอ เช่
น ใช้
คำ
� เสวยภั
ตตาหาร แทนคำ
�ว่
ฉั
นภั
ตตาหาร ใช้
คำ
� บรรทม แทนคำ
�ว่
า จำ
�วั
ด ใช้
คำ
� ประชวร
แทนคำ
�ว่
า เจ็
บป่
วยหรื
ออาพาธ ใช้
คำ
� ทรงรั
บนิ
มนต์
แทน
คำ
�ว่
า รั
บนิ
มนต์
ใช้
คำ
� สิ้
นพระชนม์
แทนคำ
�ว่
า ตายหรื
ถึ
งแก่
กรรม เป็
นต้
คำ
�ราชาศั
พท์
สำ
�หรั
บพระภิ
กษุ
มี
ดั
งนี้
๑. คำ
�ราชาศั
พท์
สำ
�หรั
บพระภิ
กษุ
ที่
เป็
นคำ
�นาม
กุ
ฏิ
( เ รื
อนหรื
อตึ
กสำ
�หรั
บพระภิ
กษุ
อยู่
)
กาสาวพั
สตร์
(ผ้
าย้
อมฝาด คื
อ ผ้
าเหลื
องพระ) กลด (ร่
ขนาดใหญ่
มี
ด้
ามยาว ใช้
สำ
�หรั
บพระธุ
ดงค์
โดยเฉพาะ) จี
วร
(ผ้
าสำ
�หรั
บห่
มของพระภิ
กษุ
สามเณร) จั
งหั
น (ข้
าว อาหาร)
พรรษา (ช่
วงระยะเวลา ๓ เดื
อน ในฤดู
ฝน) ฉายา (ชื่
อที่
พระอุ
ปั
ชฌาย์
ตั้
งให้
เป็
นภาษาบาลี
เมื่
ออุ
ปสมบท) อาบั
ติ
(โทษที่
เกิ
ดจากการล่
วงละเมิ
ดข้
อห้
ามแห่
งภิ
กษุ
) อาวาส (วั
ด)
เจ้
าอาวาส (พระภิ
กษุ
ซึ่
งได้
รั
บการแต่
งตั้
งให้
ดำ
�รงตำ
�แหน่
ผู้
ปกครองวั
ด) สมภาร (พระที่
เป็
นเจ้
าอาวาส) พุ
ทธาวาส (ที่
ประดิ
ษฐานพระพุ
ทธรู
ป หมายถึ
ง โบสถ์
วิ
หาร) สั
งฆาวาส
(ที่
อยู่
ของพระสงฆ์
) ไตรจี
วร (ผ้
า ๓ อย่
างของ พระภิ
กษุ
)
คื
อ ผ้
าทาบ (สั
งฆาฏิ
) ผ้
าห่
ม (จี
วร) และผ้
านุ่
ง (สบง) รั
ประคด (ผ้
าที่
ใช้
รั
ดอกหรื
อสายที่
ถั
กด้
วยด้
ายสำ
�หรั
บรั
ดเอว
ของพระภิ
กษุ
สามเณร) ไตรปิ
ฎก (พระธรรมคำ
�สั่
งสอนของ
พระพุ
ทธเจ้
า มี
๓ ปิ
ฎก คื
อ พระธรรมวิ
นั
ย พระสู
ตร และ
พระอภิ
ธรรม) ตำ
�หนั
ก (กุ
ฏิ
ของสมเด็
จพระสั
งฆราช) ตาลปั
ตร
(พั
ดใบตาลมี
ด้
ามยาว สำ
�หรั
บพระใช้
ในพิ
ธี
กรรม เช่
น ใน
เวลาให้
ศี
ล ต่
อมาอนุ
โลมเรี
ยกพั
ดที่
ทำ
�ด้
วยผ้
าหรื
อไหม ซึ่
มี
ลั
กษณะคล้
ายกั
น) สมณะ (ผู้
สงบกิ
เลสแล้
วโดยเฉพาะ
เฉลี
ยว เพชรแก้
ว........เรื่
อง
๑๖