เป็
นธรรมดาที่
คนเราเมื่
อพบหน้
ากั
น ก็
จะมี
การ
ทั
กทายกั
น การทั
กทายอาจจะใช้
ภาษาพู
ดหรื
อภาษากาย
ที่
เรี
ยกว่
า อวั
จนภาษา อย่
างเช่
นเวลานั่
งรถไฟแล่
นเข้
าไป
ในชนบท ชาวบ้
านและเด็
ก ๆ ชอบโบกมื
อให้
คนที่
นั่
งบน
รถไฟทั้
งที่
ไม่
รู้
จั
กกั
น แต่
เป็
นการทั
กทายด้
วยไมตรี
จิ
ต
การโบกมื
อยั
งใช้
สำ
�หรั
บทั
กทายคนรู้
จั
กกั
นที่
อยู่
ในระยะ
ห่
างกั
นจนถ้
าพู
ดทั
กทายก็
ต้
องตะโกน หรื
ออยู่
ในสถานที่
ซึ่
งไม่
อาจทั
กทายกั
นด้
วยคำ
�พู
ดได้
นอกจากโบกมื
อแล้
ว
ผู้
คนยั
งอาจจะใช้
อวั
จนภาษาแบบอื่
นเพื่
อทั
กทายกั
น เช่
น
ยกมื
อไหว้
ผงกศี
รษะ ใช้
ภาษามื
อที่
แปลว่
า “รั
ก” หรื
อ
แปลว่
า “เรี
ยบร้
อยดี
” อวั
จนภาษาในการทั
กทายที่
ใช้
กั
น
มากในประเทศทางตะวั
นตกคื
อการจู
บ โดยใช้
แก้
มแนบ
แก้
ม หรื
อจู
บริ
มฝี
ปากในเวลารวดเร็
ว บางชนเผ่
าอาจมี
วิ
ธี
ทั
กทายเฉพาะ เช่
น กล่
าวกั
นว่
าชาวเอสกี
โมจะทั
กทายโดย
ใช้
จมู
กถู
กั
น แต่
ในขณะนั้
นก็
จะเผยอริ
มฝี
ปากเพื่
อสู
ดกลิ่
น
ของกั
นและกั
นด้
วย ก่
อนที่
จะแนบแก้
มกั
นอย่
างรวดเร็
ว
อี
กที
หนึ่
ง การทั
กทายไม่
ได้
มี
แต่
ในกลุ่
มมนุ
ษย์
เท่
านั้
น ถ้
า
สั
งเกตพฤติ
กรรมของสั
ตว์
เลี้
ยงใกล้
ตั
วอย่
างสุ
นั
ขและ
แมว เราจะเห็
นว่
ามั
นจะทั
กทายกั
นด้
วยการดมกลิ่
นตาม
ตั
วของกั
นและกั
น หากแน่
ใจว่
าเป็
นพวกเดี
ยวกั
นก็
จะเลี
ย
ให้
กั
น แต่
หากแน่
ใจว่
าแปลกหน้
า ก็
จะส่
งเสี
ยงขู่
จนอาจ
ถึ
งต่
อสู้
กั
นได้
ส่
วนการทั
กทายด้
วยภาษา จะพบว่
าทุ
กภาษามี
คำ
�ทั
กทายทั้
งสิ้
น คนไทยแต่
เดิ
มทั
กทายกั
นด้
วยคำ
�ถาม
ว่
า “ไปไหนมา” “กิ
นข้
าวหรื
อยั
ง” “เป็
นยั
งไง สบายดี
หรื
อ” สะท้
อนให้
เห็
นจิ
ตใจที่
แสดงความห่
วงใยในเรื่
อง
การกิ
นการอยู่
และสุ
ขภาพร่
างกาย ถ้
าย้
อนกลั
บไปถึ
ง
วั
ฒนธรรมของชาวไท ซึ่
งปั
จจุ
บั
นอยู่
นอกแผ่
นดิ
นไทย ก็
พบว่
ามี
คำ
�ทั
กทายแบบคนไทยโบราณ เช่
น ไทยู
นนานจะ
ทั
กทายและอำ
�ลากั
นด้
วยคำ
�ว่
า “อยู่
ดี
กิ
นหวาน” ซึ่
งเป็
น
คำ
�แสดงปฏิ
สั
นถารและอำ
�นวยอวยพรในเรื่
องการกิ
นดี
มี
สุ
ขไปในตั
ว ส่
วนคนลาวซึ่
งเป็
นเพื่
อนบ้
านเรื
อนเคี
ยงที่
ใกล้
ชิ
ดที่
สุ
ดของไทย ใช้
คำ
�ทั
กทายว่
า “สะบายดี
” ซึ่
งเป็
น
คำ
�ทั
กทายใสซื่
อน่
ารั
กแบบที่
คนไทยใช้
ปั
จจุ
บั
น คำ
�ทั
กทาย
ว่
า “ไปไหนมา” “กิ
นข้
าวหรื
อยั
ง” “สบายดี
หรื
อ” ก็
ยั
งเป็
น
คำ
�ที่
คนไทยใช้
กั
นอยู่
ทั้
งในเมื
องและชนบท
ส่
วนคำ
�ทั
กทายที่
เป็
นทางการ คื
อคำ
�ว่
า
สวั
สดี
คำ
�ทั
กทายนี้
มี
อายุ
๖๗ ปี
แล้
ว ผู้
ริ
เริ่
มใช้
คำ
�ว่
า
สวั
สดี
เป็
น
คำ
�ทั
กทาย คื
อ พระยาอุ
ปกิ
ตศิ
ลปสาร (นิ่
ม กาญจนชี
วะ)
ท่
านนำ
�คำ
�นี้
มาใช้
กั
บนิ
สิ
ตคณะอั
กษรศาสตร์
จุ
ฬาลงกรณ์
มหาวิ
ทยาลั
ยที่
ท่
านเป็
นอาจารย์
สอนอยู่
ต่
อมารั
ฐบาลสมั
ย
จอมพล ป. พิ
บู
ลสงคราม เป็
นนายกรั
ฐมนตรี
เห็
นชอบ
ให้
นำ
�คำ
�ว่
า
สวั
สดี
มาใช้
เป็
นคำ
�ทั
กทายอย่
างเป็
นทางการ
เมื่
อ พ.ศ. ๒๔๘๖ พระยาอุ
ปกิ
ตศิ
ลปสารนำ
�คำ
�ว่
า
สวั
สดี
มาจากคำ
�ภาษาสั
นสกฤตว่
า “สวั
สดิ์
” หรื
อภาษาบาลี
ว่
า
“โสตถิ
” มี
ความหมายว่
า ความดี
ความงาม ความเจริ
ญ
รุ่
งเรื
อง ดั
งนั้
น คำ
�ว่
า
สวั
สดี
จึ
งเป็
นคำ
�ทั
กทายที่
อำ
�นวย
อวยพรผู้
ที่
เราพบปะไปพร้
อมกั
นด้
วย ทำ
�ให้
เกิ
ดสิ
ริ
มงคล
ทั้
งสองฝ่
าย
น่
าสั
งเกตว่
าคำ
�ทั
กทายของบางภาษามี
ความหมาย
ลึ
กซึ้
งซ่
อนอยู่
อย่
างคำ
�ทั
กทายของผู้
นั
บถื
อศาสนาอิ
สลาม
ว่
า
อั
ส-ซาลาม อลั
ยกุ
ม
หรื
อกล่
าวสั้
น ๆ ว่
า
ซาลาม
มี
ความหมายถึ
ง สั
นติ
กล่
าวกั
นว่
าคำ
�นี้
มี
รากศั
พท์
มาจาก
คำ
�ภาษาฮิ
บรู
ว่
า
ชาลอม
ซึ่
งมี
ความหมายว่
า สั
นติ
เช่
น
เดี
ยวกั
น เมื่
อครั้
งผู้
เขี
ยนไปฝึ
กอบรมที่
ประเทศอิ
สราเอล
คำ
�ว่
า ชาลอม เป็
นภาษาฮิ
บรู
คำ
�แรกที่
รู้
จั
ก เพราะต้
อง
เอ่
ยคำ
�นี้
เพื่
อทั
กทายกั
นทุ
กวั
น ความหมายว่
าสั
นติ
เป็
น
ความหมายระดั
บแรก ส่
วนความหมายระดั
บลึ
กลงไป
คำ
�ว่
า ชาลอม หรื
อ คำ
�ว่
า ซาลาม ยั
งมี
ความหมายถึ
งความ
สงบ ความสมบู
รณ์
ความมั่
งคั่
ง การได้
รั
บความคุ้
มครอง
จากพระเป็
นเจ้
า และการยื
นยั
นว่
าผู้
ที่
กล่
าวคำ
�ทั
กทายนี้
กั
บท่
านจะไม่
มี
วั
นทำ
�ร้
ายท่
านไม่
ว่
าด้
วยอาวุ
ธหรื
อคำ
�พู
ด
วั
ฒนธรรมภาษา
ศ. ดร. รื่
นฤทั
ย สั
จจพั
นธุ์
...เรื่
อง
๑๔