Page 16 - apr53

Basic HTML Version

เป็
นธรรมดาที่
คนเราเมื่
อพบหน้
ากั
น ก็
จะมี
การ
ทั
กทายกั
น การทั
กทายอาจจะใช้
ภาษาพู
ดหรื
อภาษากาย
ที่
เรี
ยกว่
า อวั
จนภาษา อย่
างเช่
นเวลานั่
งรถไฟแล่
นเข้
าไป
ในชนบท ชาวบ้
านและเด็
ก ๆ ชอบโบกมื
อให้
คนที่
นั่
งบน
รถไฟทั้
งที่
ไม่
รู้
จั
กกั
น แต่
เป็
นการทั
กทายด้
วยไมตรี
จิ
การโบกมื
อยั
งใช้
สำ
�หรั
บทั
กทายคนรู้
จั
กกั
นที่
อยู่
ในระยะ
ห่
างกั
นจนถ้
าพู
ดทั
กทายก็
ต้
องตะโกน หรื
ออยู่
ในสถานที่
ซึ่
งไม่
อาจทั
กทายกั
นด้
วยคำ
�พู
ดได้
นอกจากโบกมื
อแล้
ผู้
คนยั
งอาจจะใช้
อวั
จนภาษาแบบอื่
นเพื่
อทั
กทายกั
น เช่
ยกมื
อไหว้
ผงกศี
รษะ ใช้
ภาษามื
อที่
แปลว่
า “รั
ก” หรื
แปลว่
า “เรี
ยบร้
อยดี
” อวั
จนภาษาในการทั
กทายที่
ใช้
กั
มากในประเทศทางตะวั
นตกคื
อการจู
บ โดยใช้
แก้
มแนบ
แก้
ม หรื
อจู
บริ
มฝี
ปากในเวลารวดเร็
ว บางชนเผ่
าอาจมี
วิ
ธี
ทั
กทายเฉพาะ เช่
น กล่
าวกั
นว่
าชาวเอสกี
โมจะทั
กทายโดย
ใช้
จมู
กถู
กั
น แต่
ในขณะนั้
นก็
จะเผยอริ
มฝี
ปากเพื่
อสู
ดกลิ่
ของกั
นและกั
นด้
วย ก่
อนที่
จะแนบแก้
มกั
นอย่
างรวดเร็
อี
กที
หนึ่
ง การทั
กทายไม่
ได้
มี
แต่
ในกลุ่
มมนุ
ษย์
เท่
านั้
น ถ้
สั
งเกตพฤติ
กรรมของสั
ตว์
เลี้
ยงใกล้
ตั
วอย่
างสุ
นั
ขและ
แมว เราจะเห็
นว่
ามั
นจะทั
กทายกั
นด้
วยการดมกลิ่
นตาม
ตั
วของกั
นและกั
น หากแน่
ใจว่
าเป็
นพวกเดี
ยวกั
นก็
จะเลี
ให้
กั
น แต่
หากแน่
ใจว่
าแปลกหน้
า ก็
จะส่
งเสี
ยงขู่
จนอาจ
ถึ
งต่
อสู้
กั
นได้
ส่
วนการทั
กทายด้
วยภาษา จะพบว่
าทุ
กภาษามี
คำ
�ทั
กทายทั้
งสิ้
น คนไทยแต่
เดิ
มทั
กทายกั
นด้
วยคำ
�ถาม
ว่
า “ไปไหนมา” “กิ
นข้
าวหรื
อยั
ง” “เป็
นยั
งไง สบายดี
หรื
อ” สะท้
อนให้
เห็
นจิ
ตใจที่
แสดงความห่
วงใยในเรื่
อง
การกิ
นการอยู่
และสุ
ขภาพร่
างกาย ถ้
าย้
อนกลั
บไปถึ
วั
ฒนธรรมของชาวไท ซึ่
งปั
จจุ
บั
นอยู่
นอกแผ่
นดิ
นไทย ก็
พบว่
ามี
คำ
�ทั
กทายแบบคนไทยโบราณ เช่
น ไทยู
นนานจะ
ทั
กทายและอำ
�ลากั
นด้
วยคำ
�ว่
า “อยู่
ดี
กิ
นหวาน” ซึ่
งเป็
คำ
�แสดงปฏิ
สั
นถารและอำ
�นวยอวยพรในเรื่
องการกิ
นดี
มี
สุ
ขไปในตั
ว ส่
วนคนลาวซึ่
งเป็
นเพื่
อนบ้
านเรื
อนเคี
ยงที่
ใกล้
ชิ
ดที่
สุ
ดของไทย ใช้
คำ
�ทั
กทายว่
า “สะบายดี
” ซึ่
งเป็
คำ
�ทั
กทายใสซื่
อน่
ารั
กแบบที่
คนไทยใช้
ปั
จจุ
บั
น คำ
�ทั
กทาย
ว่
า “ไปไหนมา” “กิ
นข้
าวหรื
อยั
ง” “สบายดี
หรื
อ” ก็
ยั
งเป็
คำ
�ที่
คนไทยใช้
กั
นอยู่
ทั้
งในเมื
องและชนบท
ส่
วนคำ
�ทั
กทายที่
เป็
นทางการ คื
อคำ
�ว่
สวั
สดี
คำ
�ทั
กทายนี้
มี
อายุ
๖๗ ปี
แล้
ว ผู้
ริ
เริ่
มใช้
คำ
�ว่
สวั
สดี
เป็
คำ
�ทั
กทาย คื
อ พระยาอุ
ปกิ
ตศิ
ลปสาร (นิ่
ม กาญจนชี
วะ)
ท่
านนำ
�คำ
�นี้
มาใช้
กั
บนิ
สิ
ตคณะอั
กษรศาสตร์
จุ
ฬาลงกรณ์
มหาวิ
ทยาลั
ยที่
ท่
านเป็
นอาจารย์
สอนอยู่
ต่
อมารั
ฐบาลสมั
จอมพล ป. พิ
บู
ลสงคราม เป็
นนายกรั
ฐมนตรี
เห็
นชอบ
ให้
นำ
�คำ
�ว่
สวั
สดี
มาใช้
เป็
นคำ
�ทั
กทายอย่
างเป็
นทางการ
เมื่
อ พ.ศ. ๒๔๘๖ พระยาอุ
ปกิ
ตศิ
ลปสารนำ
�คำ
�ว่
สวั
สดี
มาจากคำ
�ภาษาสั
นสกฤตว่
า “สวั
สดิ์
” หรื
อภาษาบาลี
ว่
“โสตถิ
” มี
ความหมายว่
า ความดี
ความงาม ความเจริ
รุ่
งเรื
อง ดั
งนั้
น คำ
�ว่
สวั
สดี
จึ
งเป็
นคำ
�ทั
กทายที่
อำ
�นวย
อวยพรผู้
ที่
เราพบปะไปพร้
อมกั
นด้
วย ทำ
�ให้
เกิ
ดสิ
ริ
มงคล
ทั้
งสองฝ่
าย
น่
าสั
งเกตว่
าคำ
�ทั
กทายของบางภาษามี
ความหมาย
ลึ
กซึ้
งซ่
อนอยู่
อย่
างคำ
�ทั
กทายของผู้
นั
บถื
อศาสนาอิ
สลาม
ว่
อั
ส-ซาลาม อลั
ยกุ
หรื
อกล่
าวสั้
น ๆ ว่
ซาลาม
มี
ความหมายถึ
ง สั
นติ
กล่
าวกั
นว่
าคำ
�นี้
มี
รากศั
พท์
มาจาก
คำ
�ภาษาฮิ
บรู
ว่
ชาลอม
ซึ่
งมี
ความหมายว่
า สั
นติ
เช่
เดี
ยวกั
น เมื่
อครั้
งผู้
เขี
ยนไปฝึ
กอบรมที่
ประเทศอิ
สราเอล
คำ
�ว่
า ชาลอม เป็
นภาษาฮิ
บรู
คำ
�แรกที่
รู้
จั
ก เพราะต้
อง
เอ่
ยคำ
�นี้
เพื่
อทั
กทายกั
นทุ
กวั
น ความหมายว่
าสั
นติ
เป็
ความหมายระดั
บแรก ส่
วนความหมายระดั
บลึ
กลงไป
คำ
�ว่
า ชาลอม หรื
อ คำ
�ว่
า ซาลาม ยั
งมี
ความหมายถึ
งความ
สงบ ความสมบู
รณ์
ความมั่
งคั่
ง การได้
รั
บความคุ้
มครอง
จากพระเป็
นเจ้
า และการยื
นยั
นว่
าผู้
ที่
กล่
าวคำ
�ทั
กทายนี้
กั
บท่
านจะไม่
มี
วั
นทำ
�ร้
ายท่
านไม่
ว่
าด้
วยอาวุ
ธหรื
อคำ
�พู
วั
ฒนธรรมภาษา
ศ. ดร. รื่
นฤทั
ย สั
จจพั
นธุ์
...เรื่
อง
๑๔