๔๑
คนกำ
�ลั
งนั่
งสวดมนต์
ชั
กประคำ
�อยู่
เสี
ยงที่
ได้
ยิ
นจากหนั
ง
เรื่
องนั้
นเป็
นเสี
ยงรั
วปื
นสลั
บไปกั
บเสี
ยงสวดมนต์
ซึ่
ง
ผู้
เขี
ยนนั่
งดู
หนั
งได้
ยิ
นได้
ฟั
งแล้
วก็
มี
แต่
ความสงสั
ย มิ
ได้
เกิ
ดอารมณ์
หรื
อความรู้
สึ
กใด ๆ นอกเหนื
อไปจากนั้
น
ครั้
นถามคนดู
หนั
งซึ่
งมี
จิ
ตใจลึ
กซึ้
งกว่
าอี
กหลายคนถึ
งฉากนี้
ต่
างคนต่
างก็
ตอบไปต่
าง ๆ กั
น จะเอาเป็
นที่
ยุ
ติ
แน่
นอนไม่
ได้
บางคนก็
บอกว่
าเสี
ยงนั้
นแสดงถึ
งความร้
ายแรงของโจร และ
ความสงบสุ
ข ซึ่
งจะต้
องตามมาเมื่
อโจรตายแล้
ว อี
กคนก็
บอก
ว่
าเสี
ยงปื
นนั้
นแสดงให้
เห็
นความรุ
นแรงของผู้
ร้
ายในวั
ยหนุ่
ม
แต่
เสี
ยงสวดมนต์
นั้
นแสดงให้
เห็
นถึ
งความเยื
อกเย็
นของคน
ที่
เป็
นผู้
ร้
ายในวั
ยแก่
ฟั
งดู
แล้
วก็
ไม่
สู้
จะเข้
าที
นั
กทั้
งสองทาง
ในที่
สุ
ดก็
ต้
องยอมยกให้
ว่
า ผู้
สร้
างหนั
งเรื่
องนั้
นเป็
นคนฉลาด
ลึ
กซึ้
งเกิ
นกว่
าคนดู
หนั
ง ซึ่
งได้
แก่
ผู้
เขี
ยนเรื่
องนี้
เอง”
จบย่
อหน้
านี้
แล้
ว อาจารย์
คึ
กฤทธิ์
ก็
ขึ้
นเรื่
องธาตุ
ที่
๗
(ของภาษาหนั
ง) คื
อ ดนตรี
อาจารย์
คึ
กฤทธิ์
กล่
าวไว้
ว่
า “ดนตรี
เป็
นธาตุ
อี
กธาตุ
หนึ่
งซึ่
งมาร่
วมประกอบอยู่
ในภาษาแห่
งภาพยนตร์
การใช้
ดนตรี
ประกอบในหนั
งแต่
ละเ รื่
องเป็
น
หน้
าที่
ของผู้
สร้
างหนั
งที่
จะต้
องคอยกำ
�กั
บดู
แลเพื่
อให้
เกิ
ด
ความเหมาะสมกลมกลื
นเกิ
ดขึ้
นมา...
ดนตรี
ประกอบหนั
งที่
ดี
นั้
น จะต้
องเป็
นดนตรี
ที่
คนดู
ไม่
ได้
ยิ
น แต่
ขณะเดี
ยวกั
น เสี
ยงของดนตรี
จะกล่
อมอารมณ์
ของคนดู
ให้
คล้
อยตามอารมณ์
ในหนั
งไป....
แต่
ว่
าโดยทั่
วไปแล้
ว เพลงที่
ใช้
ประกอบในภาพยนตร์
ไม่
ควรจะเป็
นเพลงที่
มี
ทำ
�นองและลี
ลาอั
นเด่
นชั
ดหรื
อดึ
งดู
ด
ใจคนดู
จนเกิ
นไปนั
ก เพราะถ้
าดนตรี
อยู่
ในลั
กษณะเช่
นนั้
น
ดนตรี
ก็
จะดึ
งดู
ดใจให้
คนดู
ไปฟั
งดนตรี
มากกว่
าดู
หนั
ง
เว้
นไว้
แต่
ในกรณี
ที่
ผู้
สร้
างต้
องการจะใช้
ความหมายของเพลงหรื
อดนตรี
ซึ่
งคนดู
รู้
จั
กดี
อยู่
แล้
วนั้
น มาใช้
ให้
เป็
นประโยชน์
แก่
ภาพยนตร์
ก็
เป็
นอี
กเรื่
องหนึ่
งไป...
การ ใช้
ดนตรี
ในภาพยนตร์
นั้
นใช้
ได้
หลายอย่
าง เป็
นต้
นว่
า ใช้
เพื่
อเลี
ยนเสี
ยง
ธรรมชาติ
ก็
ได้
เช่
น ภาพบนจอกำ
�ลั
งแสดง
ให้
เห็
นรถไฟวิ่
ง ดนตรี
ประกอบนั้
นก็
อาจจะ
มี
จั
งหวะและลี
ลาซึ่
งคล้
ายคลึ
งกั
บเสี
ยงล้
อ
รถกระทบกั
บรางรถไฟ หรื
อมิ
ฉะนั้
น ดนตรี
ที่
ประกอบนั้
นก็
อาจจะใช้
มาเป็
นฝ่
ายคนดู
คื
อ คอยล้
อเลี
ยนเสี
ยดสี
หรื
อคอยจั
บผิ
ดตั
ว
แสดงในหนั
งนั้
นเองก็
ได้
ยกตั
วอย่
างเช่
น
ตั
วละครตั
วหนึ่
งในหนั
ง อาจพู
ดโกหกติ
ดต่
อกั
นในเรื่
องต่
าง ๆ
ถึ
งสามครั้
ง ทุ
กครั้
งที่
ตั
วแสดงนั้
นกล่
าวเท็
จ ดนตรี
ประกอบ
ก็
จะเล่
นเพลงทำ
�นองเดี
ยวกั
นให้
คนดู
ได้
ยิ
นทุ
กครั้
งไป ถึ
งแม้
เรื่
องที่
กล่
าวเท็
จและถ้
อยคำ
�ที่
กล่
าวเท็
จนั้
นจะแตกต่
างกั
นทุ
ก
ครั้
ง แต่
เพลงที่
เล่
นประกอบก็
ยั
งคงเป็
นเพลงเดี
ยวกั
น การ
ใช้
ดนตรี
ในกรณี
เช่
นนี้
เป็
นการจั
บโกหกตั
วแสดงให้
คนดู
เห็
น
ได้
อย่
างชั
ดแจ้
ง และสร้
างความขบขั
นให้
แก่
คนดู
ได้
โดยที่
ตั
ว
แสดงไม่
ต้
องแสดงอาการตลกแต่
อย่
างใดเลย”
ต่
อจากนั้
นก็
จะถึ
งธาตุ
ที่
๘ อั
นเป็
นธาตุ
สุ
ดท้
าย คื
อ
เรื่
องของ “ภาษาพู
ด”
การเรี
ยนรู้
ตอนนี้
ผมขอใช้
คำ
�อธิ
บายล้
วนๆ ของ
อาจารย์
คึ
กฤทธิ์
นำ
�เสนอต่
อเนื่
องไปตลอด โดยไม่
มี
ขั
ดมี
แทรก
เพื่
อให้
เกิ
ดความเข้
าใจอย่
างต่
อเนื่
องกั
น อาจารย์
คึ
กฤทธิ์
เขี
ยนถึ
งภาษาพู
ดในหนั
งไว้
ว่
า
“ถึ
งแม้
ว่
าภาพยนตร์
จะเป็
นอี
กภาษาหนึ่
งซึ่
งแตกต่
าง
ไปจากภาษาพู
ดที่
ใช้
กั
นอยู่
ตามปกติ
แต่
ภาพยนตร์
ก็
ยั
งละทิ้
ง
ภาษาพู
ดเสี
ยไม่
ได้
เพราะภาพยนตร์
มี
ความเกี่
ยวข้
องสั
มพั
นธ์
กั
บภาษาพู
ดเสี
ยตั้
งแต่
แรกเริ่
มดั
งที่
ได้
กล่
าวมา ในภาพยนตร์
ประเภทหนั
งเงี
ยบนั้
น จำ
�เป็
นต้
องใส่
ภาษาพู
ดเข้
าไปในรู
ปของ
ตั
วหนั
งสื
อ บางครั้
งก็
เป็
นการเล่
าเรื่
อง หรื
อมิ
ฉะนั้
นก็
เป็
น
บทที่
พู
ดจาโต้
ตอบกั
นระหว่
างตั
วละคร แม้
แต่
ในภาพยนตร์
เสี
ยงทุ
กวั
นนี้
บางครั้
งภาษาพู
ดก็
ยั
งจำ
�เป็
นต้
องใช้
ในรู
ปของ
ตั
วหนั
งสื
อ เป็
นต้
นว่
าก่
อนดำ
�เนิ
นเรื่
อง จะมี
ข้
อความเป็
นตั
ว
หนั
งสื
อบอกสถานที่
เกิ
ดเหตุ
และบอกเวลา หรื
อมิ
ฉะนั้
นก็
อาจ
มี
การถ่
ายภาพตั
วหนั
งสื
อจากจดหมายหรื
อจากหนั
งสื
อพิ
มพ์
เพื่
อเป็
นการดำ
�เนิ
นเรื่
อง หรื
อเพื่
อแสดงข้
อความบางอย่
าง
ซึ่
งจำ
�เป็
นต่
อการดำ
�เนิ
นเรื่
อง