๓๗
ครั้
งพุ
ทธกาลตามลำ
�ดั
บขั้
นตอนขอกล่
าวถึ
งโดยสั
งเขปดั
งนี้
เมื่
อชาวบ้
านทุ่
งยั้
ง อำ
�เภอลั
บแล ได้
ช่
วยกั
นจั
ดสร้
าง
องค์
พระพุ
ทธเจ้
าจำ
�ลอง ประทั
บในท่
าสี
หไสยาสน์
ขนาด ๙
ศอก พร้
อมจั
ดสร้
างโลงแก้
วเพื่
อบรรจุ
พระบรมศพแล้
ว ครั้
น
ถึ
งวั
นวิ
สาขบู
ชา ซึ่
งเป็
นวั
นเสด็
จปริ
นิ
พพานของพระพุ
ทธเจ้
า
ก็
จั
ดให้
มี
การจั
ดขบวนแห่
พระบรมศพ เพื่
อประกาศให้
พุ
ทธศาสนิ
กชนทราบว่
าบั
ดนี้
ถึ
งวั
นวิ
สาขบู
ชาแล้
ว และที่
วั
ด
พระบรมธาตุ
(ทุ่
งยั้
ง) ได้
จั
ดให้
มี
สั
ปดาห์
ส่
งเสริ
มพระพุ
ทธ
ศาสนาวิ
สาขบู
ชารำ
�ลึ
ก และการถวายพระเพลิ
งพระพุ
ทธเจ้
า
อี
กครั้
งหนึ่
ง จากนั้
นก็
นำ
�พระบรมศพจำ
�ลองจั
ดตั้
งไว้
ที่
ศาลา
การเปรี
ยญ เพื่
อให้
พุ
ทธศาสนานิ
กชนร่
วมบำ
�เพ็
ญกุ
ศลปฏิ
บั
ติ
ธรรม ไปจนถึ
งวั
นแรม ๘ ค่ำ
� รวม ๙ วั
น ๙ คื
น (ปี
นี้
ตรงกั
บ
วั
นที่
๒๘ พฤษภาคม ถึ
งวั
นที่
๕ มิ
ถุ
นายน ๒๕๕๓) สำ
�หรั
บ
ในวั
นวิ
สาขบู
ชานั้
น จะมี
การจั
ดกิ
จกรรมทางศาสนาควบคู่
ไป
กั
บการบำ
�เพ็
ญกุ
ศล เช่
น การเวี
ยนเที
ยน การตอบปั
ญหา
ธรรมะ การแสดงพระธรรมเทศนา ตลอดระยะเวลาของ
การนำ
�พระบรมศพจำ
�ลองตั้
งบำ
�เพ็
ญกุ
ศลที่
ศาลาการเปรี
ยญ
วั
ดพระบรมธาตุ
(ทุ่
งยั้
ง) นั้
น ชาวบ้
านจะแบ่
งกลุ่
มกั
นจั
ด
ทำ
�ภั
ตตาหารถวายแด่
พระภิ
กษุ
สงฆ์
-สามเณร ทั้
งเช้
าและ
เพลทุ
กวั
น ส่
วนกลางคื
นก็
จะมี
การสวดพระอภิ
ธรรมและ
พระธรรมเทศนา โดยได้
รั
บความร่
วมมื
อจากหน่
วยงาน
ต่
างๆ ตลอดจนผู้
มี
จิ
ตศรั
ทธา เป็
นเจ้
าภาพถวายกั
ณฑ์
เทศน์
ทุ
กคื
น ครั้
นเมื่
อถึ
งวั
นอั
ฐมี
บู
ชาคื
อวั
นแรม ๘ ค่ำ
� เดื
อน ๖
(สำ
�หรั
บปี
นี้
ตรงกั
บวั
นแรม ๘ ค่ำ
� เดื
อน ๗ เนื่
องจากเป็
นปี
ที่
มี
อธิ
กมาศ) ซึ่
งตรงกั
บวั
นที่
๕ มิ
ถุ
นายน ๒๕๕๓ ก็
จะเริ่
มจั
ดลำ
�ดั
บ
ขั้
นตอนการถวายพระเพลิ
งพระบรมศพพระพุ
ทธเจ้
าเหมื
อน
ครั้
งพุ
ทธกาลตามที่
ได้
กล่
าวไว้
โดยสมมติ
ว่
าเมื
องทุ่
งยั้
ง
เป็
นเมื
องกุ
สิ
นารา เมื
องที่
พระพุ
ทธเจ้
าเสด็
จปริ
นิ
พพาน ในเวลา
๑๙.๐๐ น. พราหมณ์
ทั้
ง ๘ ที่
ถู
กสมมติ
ว่
าเป็
นผู้
ที่
ถวายความ
อารั
กขาพระบรมศพพระพุ
ทธเจ้
าก็
จะอั
ญเชิ
ญพระบรมศพ
ขึ้
นสู่
เมรุ
มาศ ซึ่
งได้
จั
ดไว้
อย่
างสวยงามสมพระเกี
ยรติ
พระบรมศพของพระบรมศาสดา โดยมี
พระเจ้
ามั
ลละเจ้
าเมื
อง
กุ
สิ
นาราเป็
นประธานฝ่
ายคฤหั
สถ์
และพระอนุ
รุ
ทธเถระ
เป็
นประธานฝ่
ายบรรพชิ
ตบรรยากาศในงานเต็
มไปด้
วย
ความโศกเศร้
าอาลั
ยเช่
นเดี
ยวกั
บชาวพุ
ทธในสมั
ยพุ
ทธกาล
การแสดงสมมติ
เริ่
มตั้
งแต่
พระภิ
กษุ
ซึ่
งเป็
นพระอริ
ยเจ้
า
เข้
าถวายความเคารพพระบรมศพ จากนั้
นก็
จะมี
พระฤาษี
ชี
พราหมณ์
เทพบุ
ตร เทพธิ
ดา พระอิ
นทร์
พระพรหม ต่
าง
ก็
นำ
�เครื่
องสั
กการะมาถวายความเคารพพระบรมศพของ
พระพุ
ทธเจ้
า หลั
งจากนั้
นก็
เปิ
ดโอกาสให้
ประชาชนเข้
าถวาย
ความเคารพและทอดผ้
ามหาบั
งสุ
กุ
ล และพระราชทานเพลิ
ง
ให้
ทิ
ศาปาโมกข์
นำ
�ไปจุ
ดถวายพระบรมศพทั้
ง ๔ ทิ
ศ แต่
เกิ
ด
อั
ศจรรย์
ทิ
ศาปาโมกข์
ทั้
ง ๔ พยายามจุ
ดถวายพระเพลิ
ง
หลายครั้
ง พระเพลิ
งไม่
ยอมติ
ด ต่
อมาได้
ทราบจาก
พระอนุ
รุ
ทธเถระ ประธานฝ่
ายบรรพชิ
ตว่
าพระพุ
ทธเจ้
าได้
ทรงตั้
งปณิ
ธานเอาไว้
หากพระอริ
ยกั
สสป ยั
งไม่
ได้
ถวาย
ความเคารพพระบรมศพ จะไม่
สามารพถวายพระเพลิ
งได้
ซึ่
งเป็
นอั
ศจรรย์
ที่
ผู้
ชมจะได้
เห็
นในพิ
ธี
นั้
นทุ
กคนจึ
งรอการ
กลั
บมาของพระอริ
ยกั
สสป ในขณะนั้
นพระอริ
ยกั
สสปยั
งนำ
�
คณะสงฆ์
จาริ
กแสวงบุ
ญอยู่
ที่
นครปาวาย แต่
ยั
งไม่
ทราบ
ข่
าวการเสด็
จปริ
นิ
พพานของพระพุ
ทธเจ้
า ครั้
นเห็
นอาชี
วก
ผู้
หนึ่
งถื
อดอกมณฑารปเป็
นเครื่
องกั
นแดดผ่
านมา จึ
งได้
ทราบทั
นที
ว่
า บั
ดนี้
พระพุ
ทธองค์
เสด็
จดั
บขั
ณฑ์
ปริ
นิ
พพาน
แล้
ว เพราะดอกมณฑารปนี้
จะบานในสมั
ยพระพุ
ทธองค์
เพี
ยง
๒ ครั้
ง คื
อ เมื่
อพระพุ
ทธเจ้
าตรั
สรู้
และปริ
นิ
พพานเท่
านั้
น
จึ
งรี
บนำ
�พระอริ
ยเจ้
าทั้
งหมดเดิ
นทางมาถวายความเคารพ
พระบรมศพที่
เมื
องกุ
สิ
นารา และได้
เกิ
ดอั
ศจรรย์
อี
กครั้
งหนึ่
ง
คื
อ ภายหลั
งจากที่
พระอริ
ยกั
สสปกำ
�ลั
งถวายความเคารพ
พระบรมศพนั้
น พระบาทของพระพุ
ทธองค์
ก็
ได้
ยื่
นออกนอก
พระหี
บแก้
วรองรั
บการถวายความเคารพของพระอริ
ยกั
สสป
ทั
นที
และบั
ดนี้
นั้
นเองพระเตโชธาตุ
ของพระพุ
ทธองค์
ก็
ลุ
กขึ้
นเอง โดยไม่
มี
การจุ
ดถวายพระเพลิ
ง เผาพระบรมศพ
จนหมดสิ้
นเหลื
อแต่
พระบรมสารี
ริ
กธาตุ
ให้
พุ
ทธศาสนิ
กชนได้
กราบไหว้
บู
ชากั
นต่
อมา จึ
งเป็
นอั
นว่
าเสร็
จพิ
ธี
อั
ฐมี
บู
ชา
งานอั
ฐมี
บู
ชาหรื
อประเพณี
การถวายพระเพลิ
ง
พระพุ
ทธเจ้
าของชาวตำ
�บลทุ่
งยั้
งอำ
�เภอลั
บแล จั
งหวั
ด
อุ
ตรดิ
ตถ์
ที่
จั
ดขึ้
นติ
ดต่
อกั
นมานานเป็
นปี
ที่
๕๐ แล้
ว ไม่
นั
บ
รวมการจั
ดที่
เคยมี
มาตั้
งแต่
สมั
ยบรรพบุ
รุ
ษนี้
นั
บเป็
นมรดก
ทางวั
ฒนธรรมที่
สำ
�คั
ญอี
กแห่
งหนึ่
ง เนื่
องจากยั
งไม่
มี
ที่
ใด
จั
ด การแสดงสมมุ
ติ
ดั
งกล่
าวเป็
นการสอนพุ
ทธประวั
ติ
แก่
ประชาชน เนื่
องในสั
ปดาห์
ส่
งเสริ
มพระพุ
ทธศาสนาวิ
สาขบู
ชา
รำ
�ลึ
กอี
กทางหนึ่
งด้
วย แต่
เนื่
องจากสภาพเศรษฐกิ
จในปั
จจุ
บั
น
ไม่
เอื้
ออำ
�นวย อาจมี
ผลการะทบต่
อการจั
ดงานดั
งกล่
าวบ้
าง
เพราะต้
องอาศั
ยปั
จจั
ยจากการทำ
�บุ
ญตลอดสั
ปดาห์
เพื่
อมา
ใช้
ในการจั
ดงานบางปี
มาก บางปี
น้
อย ไม่
แน่
นอนหลายฝ่
าย
จึ
งหวั่
นวิ
ตกว่
า ประเพณี
ที่
เป็
นหนึ่
งเดี
ยวในโลกที่
เมื
องทุ่
งยั้
ง
อำ
�เภอลั
บแล จั
งหวั
ดอุ
ตรดิ
ตถ์
นี้
จะมี
ต่
อไปได้
อี
กหรื
อไม่
หรื
อ
อาจจะย้
อนกลั
บไปจั
ดแบบเรี
ยบง่
ายเหมื
อนสมั
ยบรรพบุ
รุ
ษ
หรื
อหยุ
ดจั
ดสั
กระยะหนึ่
งเหมื
อนที่
เคยเป็
นมาแล้
วในอดี
ต
ก็
สุ
ดแล้
วแต่
โอกาส เพราะผู้
เขี
ยนเองก็
เป็
นคนหนึ่
งซึ่
งมี
ส่
วนร่
วมในการจั
ดงานทุ
ก ๆ ปี
มี
ความเข้
าใจสถานภาพ และ
ข้
อจำ
�กั
ดของวั
ดและชุ
มชน แต่
ถ้
าทุ
กฝ่
ายช่
วยกั
นอย่
างจริ
งใจ
ทั้
งทางตรงและทางอ้
อม ไม่
ปล่
อยให้
ท้
องถิ่
นทำ
�กั
นตามลำ
�พั
ง
ภู
มิ
ปั
ญญาที่
มี
อยู่
ก็
จะได้
รั
บการสานต่
อดั
งที่
ทุ
กฝ่
ายตั้
งใจไว้
จึ
ง
อยากฝากไว้
ให้
คิ
ดก่
อนที่
งาน “อั
ฐมี
บู
ชา” จะหายไปจากความ
ทรงจำ
�ของพวกเราขาวพุ
ทธทุ
กคน
+-------------------------------------------+
ผู้
เขี
ยน...ชวลิ
ต คำ
�เพ็
ง ประธานสภาวั
ฒนธรรมตำ
�บลทุ่
งยั้
ง