Page 33 - june53

Basic HTML Version

๓๑
ผั
ดหน้
าทาแป้
งแล้
วก็
ต้
องทาปาก คนไทยเรากิ
นหมาก
ปากแดงอยู่
แล้
วเป็
นส่
วนใหญ่
แต่
ก็
มี
ขี้
ผึ้
งหอม หรื
อสี
ผึ้
งไว้
ทา
กั
นปากแตกในฤดู
หนาวและยั
งทำ
�ให้
น้ำ
�หมากไม่
จั
บปากหนา
เขรอะจนเกิ
นไป
สี
ผึ้
งนี้
ทำ
�จากขี้
ผึ้
งแท้
ๆ ผสมกั
บกะทิ
และเครื่
องหอม
เคี่
ยวด้
วยไฟอ่
อนๆ จนละลายเข้
ากั
นดี
แล้
วกรองเอากากออก
เมื่
อส่
วนผสมนี้
แข็
งตั
วเย็
นสนิ
ทค่
อยขู
ดสี
ผึ้
งออกมาให้
เป็
เส้
นยาว ขดม้
วนเล็
กๆ และอบไว้
ให้
หอม และแบ่
งใช้
ตาม
ความต้
องการ
ทาปากแล้
วต้
องเขี
ยนคิ้
วให้
ดำ
�ขึ้
น สำ
�หรั
บคนที่
ขนคิ้
ไม่
ดกดำ
�นั้
นโบราณท่
านให้
ใช้
ดอกอั
ญชั
นทาคิ้
ว กล่
าวว่
จะทำ
�ให้
คิ้
วดกดำ
�ขึ้
นโดยธรรมชาติ
แต่
หากยั
งไม่
เป็
นที่
พึ
งพอใจ ก็
มี
วิ
ธี
แต่
งคิ้
วโดยตั
ดเอาเนื้
อมะพร้
าวแก่
ๆ มาชิ้
นหนึ่
เกลาและเหลาให้
มี
ปลายแหลมด้
านหนึ่
ง แล้
วนำ
�ไปเผาไฟ
เมื่
อเนื้
อมะพร้
าวถู
กเผาจนดำ
�เป็
นถ่
านแล้
วก็
สามารถนำ
�มาใช้
เป็
นดิ
นสอเขี
ยนคิ้
วให้
โก่
งเป็
นคั
นศรหรื
อจะใช้
เขี
ยนขอบตา
ก็
ได้
ด้
วย
นอกจากแต่
งหน้
าทาปากแล้
วอี
กส่
วนหนึ่
งที่
สำ
�คั
ญไม่
แพ้
กั
นก็
คื
อ การบำ
�รุ
งผิ
ว ขั้
นตอนก็
ไม่
มากมายอะไรนั
ก แต่
คงต้
องใช้
เวลาอยู่
เหมื
อนกั
น คื
อเมื่
ออาบน้ำ
�เพื่
อชำ
�ระความ
สะอาดแล้
ว ก้
ต้
องทาผิ
วด้
วยขมิ้
นผงละลาย ทาและขั
ดให้
สี
ขมิ้
นจั
บผิ
วเหลื
องผุ
ดผ่
อง ซึ่
งคงจะต้
องทาและขั
ดกั
นหลาย
ครั้
ง เมื่
อเสร็
จแล้
วก็
ทากระแจะหรื
อกระแจะจั
นทร์
ซึ่
งเป็
ส่
วนผสมของไม้
จั
นทร์
เนื้
อไม้
กระแจะ ชมดเชี
ยง หญ้
าฝรั่
เป็
นต้
น ทั้
งหมดนี้
ล้
วนเป็
นส่
วนประกอบจากธรรมชาติ
แต่
กระนั้
นผู้
มี
ฐานะดี
ตลอดจนสตรี
สู
งศั
กดิ์
ก็
ยั
งนิ
ยม
เครื่
องหอมที่
มี
มาแต่
แดนไกลเรี
ยกว่
านิ
ยมของเมื
องนอกกั
มานาน ของนอกที่
ว่
านี้
ปรากฏหลั
กฐานทั้
งในวรรณคดี
และ
เอกสารประวั
ติ
ศาสตร์
ว่
า คนไทยใช้
และสั่
งซื้
อน้ำ
�ดอกไม้
เทศ
จากอิ
นเดี
ย เปอร์
เซี
ย และมลายู
ตลอดมานั
บตั้
งแต่
สมั
กรุ
งศรี
อยุ
ธยา น้ำ
�ดอกไม้
ที่
ว่
านี้
ก็
คื
อหั
วน้ำ
�หอม ซึ่
งผลิ
จากดอกไม้
หอมต่
างๆ ที่
คนไทยนิ
ยมมากคื
อน้ำ
�มั
นหอมจาก
ดอกกุ
หลาบพั
นธุ์
เอควาโรส วิ
ธี
นำ
�มาใช้
ก็
ให้
ผสมกั
บน้ำ
�กลั่
บริ
สุ
ทธิ์
และแอลกอฮอล์
เขย่
าให้
ผสมกั
นอย่
างต่
อเนื่
องไม่
หยุ
ดเป็
นเวลา ๔-๕ วั
น จึ
งกรองมาใช้
ได้
หรื
ออี
กตำ
�ราหนึ่
บอกไว้
ว่
า บดน้ำ
�ตาลทรายขาว ด้
วยโกร่
งบดยาขนาดใหญ่
แล้
วผสมน้ำ
�มั
นดอกกุ
หลาบ และน้ำ
�กลั่
นลงไป กวนให้
เข้
ากั
ใส่
ขวดทิ้
งไว้
ห้
าวั
นแล้
วจึ
งกรองน้ำ
�มาใช้
การใช้
นั้
นอาจใช้
ประพรมร่
างกายหรื
อผสมน้ำ
�อาบก็
ได้
นอกจากกลิ่
นกุ
หลาบแล้
วยั
งมี
กลิ่
นอื่
นๆ ที่
ได้
รั
บความ
นิ
ยมเช่
นกั
น เช่
นกลิ่
นดอกมะลิ
หรื
อที่
เรี
ยกกั
นว่
าหั
วน้ำ
�มั
นยั
มิ
น หรื
อกลิ่
นดอกส้
มก็
เป็
นของที่
มี
คนชอบกั
นมาก
เครื่
องหอมเครื่
องสำ
�อางอย่
างไทยๆ นี้
เป็
นสิ่
งซึ่
งทำ
�ให้
เราสั
มผั
สได้
ถึ
งความสวยและความหอมของกุ
ลสตรี
ไทยใน
อดี
ตว่
ามิ
ได้
ยิ่
งหย่
อนไปกว่
าสาวสมั
ยใหม่
ที่
มี
เครื่
องสำ
�อาง
ต่
างๆ พร้
อมมู
ลให้
ซื้
อใช้
จากห้
างสรรพสิ
นค้
าในสมั
ยปั
จจุ
บั
และที่
น่
านิ
ยมก็
คื
อส่
วนใหญ่
แล้
วผู้
ใช้
จะต้
องจั
ดทำ
�และปรุ
ขึ้
นเอง ตามความรู้
ความสามารถและตำ
�ราส่
วนตั
วเรี
ยกว่
ทั้
งสวย ทั้
งเก่
ง แล้
วยั
งมี
เอกลั
กษณ์
เฉพาะตั
วอี
กด้
วย