๒๔
อยู่
เมื่
อผสมกั
บน้ำ
�ก็
ขม คนที่
จิ
บเข้
าไปจะมี
รอยด่
างที่
ริ
มฝี
ปาก
รอยด่
างนี้
เป็
นสั
ญญาณตราว่
าถ้
าผิ
ดคำ
�สาบานก็
จะต้
องรั
บ
เคราะห์
”
ที่
ลั
มปง (สุ
มาตราใต้
) ให้
สาบานด้
วยการจุ่
มปลาย
กริ
ชลงในน้ำ
�แล้
วคนที่
สาบานใช้
ลิ้
นแตะน้ำ
�ที่
หยดจากปลาย
กริ
ชพร้
อมทั้
ง กล่
าวคำ
�สาบานว่
าจะยอมรั
บโทษ ถ้
าไม่
รั
กษา
คำ
�สาบานนั้
น
ในสุ
มาตรา โดยทั่
วไปเมื่
อมี
การปฏิ
ญาณแสดงความ
จงรั
กภั
กดี
ต่
อผู้
ครองท้
องที่
ก็
จะนำ
�กริ
ชเก่
าที่
เป็
นสนิ
มหรื
อกริ
ช
ที่
มี
ลั
กษณะพิ
เศษจุ่
มลงในน้ำ
�ให้
คนที่
จะสาบานค่
อย ๆ ดื่
มน้ำ
�
นั
้
นพลางประกาศคำ
�สาบาน อั
นเป็
นสู
ตรศั
กดิ
์
สิ
ทธิ
์
มี
ความหมาย
ว่
า “ถ้
าข้
าพเจ้
าทรยศก็
ขอให้
กริ
ชนี้
ผลาญข้
าพเจ้
าเสี
ย”
พิ
ธี
กรรมการให้
คำ
�สาบาน โดยดื่
มน้ำ
�สาบานของ
ชาวไทยภาคใต้
ทั้
งตอนล่
างและตอนกลาง นิ
ยมกระทำ
�กั
น
ในกรณี
สาบานตนเป็
น “อ้
ายเกลอ” หรื
อ “เป็
นเกลอ” (เป็
น
เพื่
อนร่
วมน้ำ
�สาบานแบบตายแทนกั
นได้
) โดยใช้
กริ
ชหรื
อ
อาวุ
ธประจำ
�ตั
วของผู้
ร่
วมสาบานชนิ
ดอื่
นก็
ได้
เช่
น มี
ดบาแดะ
(เป็
นชื่
อมี
ดพกอี
กรู
ปแบบหนึ่
งของตระกู
ลช่
างปั
ตตานี
)
มี
ดหางไก่
หอก ลู
กขวาน (ขวานขนาดเล็
กใช้
สำ
�หรั
บพกพา)
เป็
นต้
น ใช้
แช่
น้ำ
�เพื่
อดื่
มร่
วมกั
น บางครั้
งมี
การกรี
ดเลื
อด
ผู้
ร่
วมสาบานผสมลงไปด้
วย แล้
วกล่
าวคำ
�สาบานว่
าถ้
าผิ
ด
คำ
�สาบานให้
ตายด้
วยอาวุ
ธชนิ
ดนั้
น ๆ (สุ
ธิ
วงศ์
พงศ์
ไพบู
ลย์
และคณะ, ๒๕๔๓ : ๘๑)
สำ
�หรั
บผู้
เขี
ยนการศึ
กษาเรื่
องราวเกี่
ยวกั
บกริ
ชจาก
การพู
ดคุ
ยกั
บผู้
เฒ่
าผู้
แก่
และกลุ่
มช่
างทำ
�กริ
ชในปั
ตตานี
และ
ช่
างทำ
�กริ
ชที่
บ้
านตะโล๊
ะหะลอ อำ
�เภอรามั
น จั
งหวั
ดยะลา พอ
จะสรุ
ปความสำ
�คั
ญของกริ
ชได้
ดั
งนี้
เกี่
ยวกั
บจุ
ดกำ
�เนิ
ดหรื
อ
แลกเริ่
มของการทำ
�กริ
ชในปั
ตตานี
หากจะหาผู้
ริ
เริ่
มทำ
�เป็
น
คนแรกเป็
นสิ่
งที่
ยากแก่
การสรุ
ปว่
าเริ่
มต้
นเมื่
อไร แต่
หาก
ศึ
กษาจากเรื่
องเล่
าหรื
อจากตำ
�นานท้
องถิ่
นก็
พอจะสรุ
ปได้
ว่
า
กริ
ชเริ่
มทำ
�ขึ้
นครั้
งแรกที่
อิ
นโดนี
เซี
ย และเผยแพร่
เข้
ามาใน
สั
งคมไทยเมื่
อประมาณ ๓๐๐ ปี
ที่
แล้
ว
นายเจ๊
ะแว เต๊
ะลู
กา เล่
าว่
า กริ
ชเป็
นที่
นิ
ยมทำ
�กั
น
ที่
หมู่
เกาะชวา ประเทศอิ
นโดนี
เซี
ย โดยมี
เจ้
าเมื
องๆ หนึ่
ง
ได้
คิ
ดให้
มี
การประกวดการทำ
�กริ
ชขึ้
นและเจ้
าเมื
องบั
งคั
บให้
ช่
างกริ
ชทุ
กคนส่
งกริ
ชเข้
าประกวด เมื่
อถึ
งกำ
�หนดวั
นแข่
งขั
น
กรรมการผู้
ตั
ดสิ
นกริ
ชสำ
�รวจรายชื่
อช่
างตี
กริ
ชทั้
งหมด ปรากฏ
ว่
ามี
ช่
างผู้
หนึ่
งไม่
ได้
ส่
งกริ
ชประกวดเจ้
าเมื
องจึ
งให้
ทหารนำ
�ตั
ว
ช่
างผู้
นี้
มา เมื่
อช่
างผู้
นี้
มาถึ
งวั
งก็
มอบกริ
ชของตนให้
กรรมการ
พิ
จารณา ลั
กษณะด้
ามทำ
�ด้
วยเหง้
าไม้
ไผ่
ฝั
กทำ
�ด้
วยกากหมาก
ทำ
�ให้
เจ้
าเมื
องโกรธเพราะกริ
ชไม่
สวยเหมื
อนช่
างกริ
ชคน
อื่
นๆ ที่
ประดั
บกริ
ชด้
วยทอง เพชร พลอย อย่
างสวยงาม
เจ้
าเมื
องจึ
งเอากริ
ชนั้
นโยนทิ้
งในสระน้ำ
� และเนรเทศช่
าง
ผู้
ทำ
�ออกจากเมื
องโดยฝากเรื
อขนส่
งสิ
นค้
าให้
นำ
�ตั
วออกจาก
เกาะชวาในวั
นนั้
นเอง ก่
อนออกจากเมื
องนั้
นช่
างผู้
นี้
ได้
กล่
าว
กั
บเจ้
าเมื
องว่
า “กริ
ชที่
ดี
นั้
นไม่
ได้
อยู่
ที่
เครื่
องประดั
บตกแต่
ง
แต่
อยู่
ที่
ความขลั
งหรื
อศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ของกริ
ชต่
างหาก” วั
นรุ่
งขึ้
น
เจ้
าเมื
องตื่
นขึ้
นออกไปเดิ
นเล่
นที่
ริ
มสระน้ำ
� และได้
พบปลา
ขนาดใหญ่
ตายหงายท้
องลอยในสระ จึ
งให้
เหล่
าเสนานำ
�
ปลานั้
นขึ้
นมาเพื่
อพิ
สู
จน์
หาสาเหตุ
ว่
าปลาตายด้
วยเหตุ
อั
นใด
เมื่
อนำ
�ปลาขึ้
นมาปรากฏว่
าเป็
นกริ
ชที่
เจ้
าเมื
องขว้
างทิ้
ง
เมื่
อวานปั
กอยู่
ที่
ตั
วปลา เจ้
าเมื
องนึ
กถึ
งช่
างทำ
�กริ
ชจึ
งรู้
สึ
ก
เสี
ยใจเป็
นอย่
างมากที่
ได้
เนรเทศช่
างตี
กริ
ชคนสำ
�คั
ญไป
ส่
วนช่
างตี
กริ
ชที่
ถู
กเนรเทศได้
เดิ
นทางมาถึ
งที่
ท่
าเรื
อเมื
อง
ปั
ตตานี
และเดิ
นทางต่
อไปจนถึ
งเมื
องรามั
น โดยพั
กอยู่
ที่
นั้
นจนเจ้
าเมื
องรามั
นทราบเรื่
องราวความสามารถของช่
าง
ตี
กริ
ชผู้
นี้
จึ
งได้
สั่
งให้
ช่
างตี
กริ
ชทำ
�ให้
ดู
หนึ่
งเล่
มเมื่
อทำ
�เสร็
จ
เจ้
าเมื
องจึ
งเกิ
ดความประทั
บใจเป็
นอย่
างยิ่
งจึ
งยกย่
องช่
าง
ผู้
นี้
ให้
เป็
นช่
างกริ
ชหลวงประจำ
�เมื
องรามั
นและตั้
งชื่
อให้
กั
บ
ช่
างผู้
นี้
ว่
า
“โต๊
ะบั
นไดซาระห์
หรื
อ
โต๊
ะปาแนซาฆะห์
”
ซึ่
งแปลความได้
ว่
า ปาแนซาฆะห์
นายช่
างผู้
ยิ่
งใหญ่
ปาแนซาฆะห์
ได้
ถ่
ายทอดรู
ปแบบและเทคนิ
คต่
างๆ
ในการตี
กริ
ชแก่
ลู
กศิ
ษย์
มากมาย ซึ่
งต่
อมากริ
ชแบบปาแน
ซาฆะห์
จึ
งได้
รั
บความนิ
ยมไปทั่
วภาคใต้
ตอนล่
างตั้
งแต่
นั้
น
เป็
นต้
นมา (สั
มภาษณ์
เจ๊
ะแว เต๊
ะลู
กา ณ บ้
านเลขที่
๗๕
หมู่
ที่
๖ ตำ
�บลท่
าเรื
อ อำ
�เภอโคกโพธิ์
จั
งหวั
ดปั
ตตานี
)
จากอดี
ตถึ
งปั
จจุ
บั
นคนในสั
งคมเชื่
อว่
ากริ
ชเป็
นอาวุ
ธ
ที่
เกิ
ดขึ้
นจากคติ
ความเชื่
อของฮิ
นดู
-ชวา และเป็
นอาวุ
ธที่
เป็
น
ตั
วแทนเทพในศาสนาฮิ
นดู
จากการศึ
กษารู
ปแบบของกริ
ชใน
ภาคใต้
ของไทยพบว่
ามี
กริ
ชมากมายหลายรู
ปแบบ แต่
สำ
�หรั
บ
กริ
ชที่
มี
การพั
ฒนาจนมี
รู
ปทรงและลวดลายที่
เป็
นรู
ปแบบ
เฉพาะของท้
องถิ่
นมี
สองรู
ปแบบคื
อ
๑.
รู
ปแบบสกุ
ลช่
างปั
ตตานี
เรี
ยกชื่
อเป็
นภาษา
มลายู
ท้
องถิ่
นว่
าตากริ
ชแบบ
“ปาแนซาฆะห์
”
ลั
กษณะ
ตากริ
ชจะเรี
ยบมี
สั
นตรงกลางคล้
ายอกไก่
ทั้
งสองข้
าง มี
ทั้
ง
แบบคดและแบบตรง ซึ่
งมี
ทั้
งชนิ
ดที่
มี
ลายในเนื้
อเหล็
ก
และไม่
มี
ลาย ส่
วนด้
ามกริ
ชหรื
อที่
นิ
ยมเรี
ยกว่
า “หั
วกริ
ช”
นิ
ยมแกะสลั
กจากไม้
เนื้
อแข็
ง เช่
น ไม้
แก้
ว งาช้
าง เขา
ควาย แกะเป็
นรู
ปหั
วนกในเทพนิ
ยายลวดลายอ่
อนช้
อย
สวยงาม มี
จมู
กยาวงอน นั
ยน์
ตาถลนดุ
ดั
น ปากแสยะ