Page 8 - july53

Basic HTML Version

ของการตั้
งสมาคมและข้
อกำ
�หนดที่
สมาชิ
กของสมาคมจะ
ต้
องปฏิ
บั
ติ
ซึ่
งมี
ใจความสำ
�คั
ญตอนหนึ่
ง ดั
งนี้
“ ๑ ต้
องตั้
งใจที่
จะไม่
ใช้
ภาษาอย่
างเลวทรามที่
เกิ
ดขึ้
นี้
ด้
วยตนเองเปนอั
นขาด
๒ จะไม่
ยอมรั
บเข้
าใจภาษาเลวทรามชนิ
ดนี้
ซึ่
งผู้
ใด
จะมาพู
ดด้
วยเปนอั
นขาด
๓ จะตั้
งใจ แนะนำ
�บอกเล่
าสั่
งสอนแก่
บริ
ษั
ทบริ
วาร
ของตั
ว ฤๅเพื่
อนข้
าราชการ แลผู้
หนึ่
งผู้
ใดที่
ได้
มาพู
ดแก่
ตั
ด้
วยภาษาเลวทรามเช่
นนี้
ให้
รู้
ว่
าคำ
�ที่
พู
ดนั้
นผิ
ด ไม่
เกรงใจ
แลไม่
เพิ
กเฉย ตามแต่
จะเปนไป ด้
วยถื
อว่
าไม่
ใช่
ธุ
ระ
๔ จะลงโทษแก่
ผู้
ที่
อยู่
ในอำ
�นาจ เช่
นเสมี
ยนทนาย
เขี
ยนหนั
งสื
อที่
มี
คำ
�ผิ
ดมา ต้
องให้
ไปเขี
ยนเสี
ยใหม่
อย่
าให้
ยอมรั
บคำ
�ที่
ผิ
ดนั้
นว่
าเปนที่
เข้
าใจ”
สมเด็
จฯ เจ้
าฟ้
ามหาวชิ
ราวุ
ธ สยามมกุ
ฎราชกุ
มาร
ทรงตั้
งสมาคมขึ้
นเพื่
อสนองพระราชดำ
�ริ
เรื่
องนี้
ของสมเด็
พระบรมชนกนาถโดยทั
นที
ทรงเรี
ยกชื่
อสมาคมแห่
งนี้
ว่
“สมาคมแก้
ภาษา”
ดั
งปรากฏในพระราชหั
ตถเลขาตอบ
พระบรมชนกนาถในวั
นที่
๒๗ กั
นยายน ร.ศ. ๑๒๖ จากนั้
ทรงประชุ
มคณะกรรมการ มี
การร่
างแผนการดำ
�เนิ
นงานของ
สมาคมและสมาชิ
ก โดยกำ
�หนดเป็
น ๒ ระยะ ดั
งนี้
ความเห็
นที่
จะรั
กษาภาษา
สำ
�หรั
บสมาคม
ในชั้
นต้
๑ ศั
พท์
ที่
สมาคมคั
ดค้
าน ต้
องจดบั
นทึ
กไว้
พร้
อมคำ
�วิ
นิ
จฉั
เพื่
อสมาชิ
กได้
รู้
ทั่
วกั
น ฯ
๒ เมื่
อสมาชิ
กได้
ยิ
นศั
พท์
แปลกขึ้
น แลเข้
าใจว่
าเปนเหตุ
จะ
ทำ
�ภาษาให้
เสื่
อม ให้
นำ
�เสนอสมาคม ฯ
๓ สมาคมควรมี
หนั
งสื
อพิ
มพ์
ไว้
เปนเครื่
องมื
อ สำ
�หรั
ประกาศคั
ดค้
านถ้
อยคำ
�ที่
ใช้
ผิ
ด แลอธิ
บายถ้
อยคำ
�ที่
ควร
ใช้
ทั้
งจะได้
ลงเรื่
องเป็
นตั
วอย่
างในการใช้
สำ
�นวน หนั
งสื
วชิ
รญาณหรื
อทวี
ปั
ญญาก็
เหมาะ ฯ
๔ ขวนขวายโดยทางตรงหรื
อทางอ้
อมเพื่
อจะระงั
บถ้
อยคำ
ที่
ใช้
ไม่
เปนภาษาเช่
นนั้
น ซึ่
งยั
งใช้
อยู่
ในหมู่
อื่
น เช่
นขอ
ให้
กรมศึ
กษามาช่
วยบั
งคั
บโรงเรี
ยนให้
ทำ
�ตาม ฯ
๕ ช่
วยกั
นรุ
มดู
หมิ่
นคนใช้
ถ้
อยคำ
�ไม่
เปนภาษาเช่
นนั้
นฯ
๖ ผู้
มี
น่
าที่
ช่
วยกั
นจู้
จี้
หนั
งสื
อราชการ อย่
างเมื่
อครั้
งรั
ชกาล
ที่
๔ ฯ
๗ ใครสงสั
ยในการใช้
สำ
�นวน มี
ช่
องถามได้
โดยประการ ฯ
ในชั้
นต่
อไป
๑ หนั
งสื
อราชการที่
ออกพิ
มพ์
เช่
นราชกิ
จจานุ
เบกษา ต้
อง
ให้
ฟั
งเปนแบบได้
เช่
นเมื่
อครั้
งรั
ชกาลที่
๔ หนั
งสื
อชื่
อนี้
แลประกาศ ย่
อม
เปนที่
นิ
ยมว่
าถื
เปนแบบได้
๒ มี
ห นั
ง สื
อ อ่
า น
เ ป็
น ต้
น ว่
พงศาวดาร ที่
แต่
โดยโวหารฟั
งได้
เพื่
อผู้
ต้
องการซื้
หาได้
สะดวก ฯ
๓ พยายามแก้
ตลอด
ถึ
งแต่
งหนั
งสื
อไม่
เป็
นภาษา เช่
นในบางกอกไตมส์
๔ ถึ
งเวลาควรมี
ดิ
กชั
นนารี
หนั
งสื
อนี้
จะรั
กษาถ้
อยคำ
�ให้
ทรง
อยู่
สื
บไป
กล่
าวได้
ว่
า ข้
อปฏิ
บั
ติ
ทั้
ง ๒ ขั้
นตอนนี้
เป็
นข้
อปฏิ
บั
ติ
ที่
ครบวงจร คื
อเริ่
มตั้
งแต่
กรรมการและสมาชิ
กของสมาคม
ช่
วยกั
นดู
แลสอดส่
องเฝ้
าระวั
งการใช้
ภาษาไทย หรื
อที่
เรา
เรี
ยกกั
นในปั
จจุ
บั
นด้
วยคำ
�ที่
มี
นั
ยเปรี
ยบเที
ยบว่
า “ยามภาษา”
นั่
นเอง จากนั้
นก็
ต้
องรั
กษาภาษาไทยให้
ถู
กต้
อง ตามภาษา
มาตรฐาน หากมี
การใช้
ผิ
ดพลาดจะต้
องรี
บแก้
ไข นอกจาก
จะชี้
แจงภาษาที่
ถู
กต้
องและควรใช้
แล้
ว คณะกรรมการ
ยั
งต้
องวิ
นิ
จฉั
ยมู
ลเหตุ
ของการใช้
ภาษาผิ
ดเพื่
อเป็
นแนวทาง
ในการแก้
ไข และอธิ
บายให้
เป็
นที่
รั
บรู้
เพื่
อจะได้
ไม่
ใช้
ผิ
ดอี
มี
การผลิ
ตหนั
งสื
อที่
ใช้
ภาษาไทยที่
ดี
ให้
เป็
นแบบอย่
าง มี
การ
ควบคุ
มการใช้
ภาษาในสื่
อมวลชน แต่
ขณะเดี
ยวกั
นก็
อาศั
สื่
อมวลชนคื
อหนั
งสื
อพิ
มพ์
เป็
นช่
องทางในการประชาสั
มพั
นธ์
เผยแพร่
ความรู้
และสร้
างจิ
ตสำ
�นึ
กเรื่
องการใช้
ภาษาไทยให้
ถู
กต้
องด้
วย นอกจากนี้
ยั
งมี
มาตรการระดั
บเข้
มด้
วยการบั
งคั
ในโรงเรี
ยน ในสถานที่
ราชการ ไปจนถึ
งใช้
การลงโทษทาง
สั
งคม (sanction) คื
อรุ
มประณามคนที่
ใช้
ภาษาไทยผิ
ด ๆ
ได้
มี
การร่
างประกาศตั้
งสมาคมขึ้
นกราบบั
งคมทู
สมเด็
จฯ เจ้
าฟ้
ามหาวชิ
ราวุ
ธ สยามมกุ
ฏราชกุ
มารให้
มี
พระราชวิ
นิ
จฉั
ย แล้
วมี
ประกาศตั้
งสมาคมอย่
างเป็
นทางการ
ลงวั
นที่
๑๙ ตุ
ลาคม ร.ศ. ๑๒๖ แต่
ไม่
พบประกาศฉบั
บนี้
ใน
หนั
งสื
อราชกิ
จจานุ
เษกษาแต่
อย่
างใด จึ
งเป็
นเหตุ
ผลที่
ว่
าทำ
�ไม
การตั้
งสมาคมแก้
ภาษาไม่
เป็
นที่
รั
บรู้
กั
นเลยในเวลาต่
อมา
ทั้
ง ๆ ที่
มี
การประกาศจั
ดตั้
งสมาคม มี
คณะกรรมการของ
สมาคม มี
รายชื่
อและใบสมั
ครสมาชิ
กจำ
�นวน ๔๒ คน
เรี
ยบร้
อยแล้
ว เอกสารต่
าง ๆ ที่
ผู้
เขี
ยนกล่
าวอ้
างถึ
งนี้
เป็
ลายพระราชหั
ตถเลขาบ้
าง เอกสารพิ
มพ์
ดี
ดบ้
าง และเป็