๕
พระเจ้
าอยู่
หั
วทรงใส่
พระราชหฤทั
ยในเรื่
องภาษาไทยอั
นเป็
น
วั
ฒนธรรมของชาติ
เป็
นอย่
างยิ่
ง ดั
งนั้
น ในปี
พุ
ทธศั
กราช
๒๕๔๒ อั
นเนื่
องในอภิ
ลั
กขิ
ตมงคลสมั
ยเฉลิ
มพระชนมพรรษา
๖ รอบ รั
ฐบาลได้
ประกาศให้
วั
นที่
๒๙ กรกฎาคม ของทุ
กปี
เป็
น
วั
นภาษาไทยแห่
งชาติ
เพื่
อเฉลิ
มพระเกี
ยรติ
พระบาท
สมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
ว ผู้
ทรงเป็
นปราชญ์
และทรงพระปรี
ชา
สามารถรอบรู้
ในเรื่
องภาษาไทยอย่
างลึ
กซึ้
ง
นั
บแต่
บั
ดนั้
นมา องค์
กรภาครั
ฐและเอกชนรวมทั้
ง
ประชาชนชาวไทยทั้
งมวลจึ
งได้
ร่
วมกั
นเฉลิ
มฉลองวาระพิ
เศษ
นี้
เพื่
อร่
วมกั
นปลุ
กจิ
ตสำ
�นึ
กให้
คนไทยทั้
งชาติ
ตระหนั
กถึ
ง
คุ
ณค่
าและความสำ
�คั
ญของภาษาไทย ร่
วมมื
อกั
นทำ
�นุ
บำ
�รุ
ง
รั
กษา อนุ
รั
กษ์
และส่
งเสริ
มการใช้
ภาษาไทยให้
ดำ
�รงคงอยู่
อย่
างบริ
สุ
ทธิ์
รวมทั้
งติ
ดตามดู
แลแก้
ไขการเปลี่
ยนแปลงของ
ภาษาไทยมิ
ให้
ผั
นแปรไปทางเสื่
อมทรามลง เพื่
อดำ
�เนิ
นตาม
รอยเบื้
องพระยุ
คลบาทพระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
ว ผู้
ทรง
บำ
�เพ็
ญพระราชกรณี
กิ
จในการทำ
�นุ
บำ
�รุ
งภาษาไทยดั
งปรากฏ
ในพระราชดำ
�รั
ส พระบรมราโชวาท และพระราชนิ
พนธ์
ต่
าง ๆ อยู่
เสมอ
การเปลี่
ยนแปลงของภาษาไทยเกิ
ดขึ้
นแทบทุ
กวั
น
เพราะภาษาเป็
นสิ่
งมี
ชี
วิ
ต ภาษาดำ
�รงอยู่
อย่
างแนบแน่
นกั
บ
วิ
ถี
ชี
วิ
ตของมนุ
ษย์
และบริ
บทแวดล้
อม เมื่
อคนไทยรั
บภาษา
วั
ฒนธรรม และวิ
ทยาการแผนใหม่
มาจากต่
างประเทศ จึ
ง
เกิ
ดเสี
ยง รู
ปประโยค และคำ
�ใหม่
ขึ้
นในภาษาไทย นอกจากนี้
ภาษาไทยยั
งเปลี่
ยนแปลงไปเพราะความไม่
รู้
ของผู้
ใช้
ภาษา
และความคึ
กคะนองในการใช้
ภาษาอี
กด้
วย
ย้
อนกลั
บไปสู่
อดี
ตเมื่
อ ๑๐๔ ปี
ที่
แล้
ว จะเห็
นได้
ว่
า
ภาษาไทยมี
การเปลี่
ยนแปลงครั้
งใหญ่
จนพระบาทสมเด็
จ
พระจุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
วทรงพระราชวิ
ตกกั
งวลอย่
างยิ่
ง
ที่
ภาษาไทย “เลวทราม” ลง ทั้
ง
ภาษาพู
ดและภาษาเขี
ยน มี
การ
สร้
างคำ
�ใหม่
เช่
น
รั
บ
แทน
กิ
น
ฃ้
าว
ใช้
คำ
�ตั
ดสั้
น เช่
น
ขี
ด, ไม้
ขี
ด
แทน
ไม้
ขี
ดไฟ
รวมทั้
งมี
ภาษาเกิ
ด
ใหม่
ซึ่
งยื
มมาจากภาษาตะวั
นตก
เช่
น
ฟอม
มาจาก
ยู
นิ
ฟอร์
ม เบอร์
มาจาก
นั
มเบอร์
ทั้
งนี้
เพราะเป็
น
ช่
วงที่
สยามกำ
�ลั
งเปลี่
ยนแปลง
ไปสู่
ความทั
นสมั
ย จึ
งรั
บอิ
ทธิ
พล
ทางวั
ฒนธรรมและเทคโนโลยี
เข้
ามามากมาย ความผิ
ดเพี้
ยน
ของภาษาไทยเช่
นนี้
ทำ
�ให้
พระบาท
สมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว
มี
พระราชดำ
�ริ
ที่
จะแก้
ไข
เป็
นการเร่
งด่
วน โดย
การจั
ดตั้
งสมาคมแห่
ง
หนึ่
งขึ้
นเพื่
อดำ
�เนิ
นการ
ในเรื่
องนี้
๑
ใ น ก า ร เ ส ด็
จ
พระราชดำ
�เนิ
นประพาส
ยุ
โรปครั้
งที่
๒ เพื่
อพั
ก
รั
กษาพระวรกาย ขณะ
ที่
พระบาทสมเด็
จพระ
จุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว
ประทั
บอยู่
ที่
เมื
องฮอม
เบิ
ค ประเทศเยอรมนี
พระองค์
มี
พระราชหั
ตถเลขา ลงวั
นที่
๒๖
สิ
งหาคม ร.ศ. ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๔๕๐) ถึ
งสมเด็
จพระเจ้
าลู
กยาเธอ
เจ้
าฟ้
ามหาวชิ
ราวุ
ธ สยามมกุ
ฎราชกุ
มาร ว่
าพระองค์
ทรง
หวาดหวั่
นที่
ภาษาไทยเสื่
อมเสี
ยด้
วยความมั
กง่
ายของผู้
ใช้
จึ
งมี
พระราชดำ
�ริ
เห็
นควรจั
ดตั้
งสมาคมขึ้
นเพื่
อกวดขั
นดู
แล
แก้
ไขปั
ญหานี้
ทรงตั้
งสมเด็
จฯเจ้
าฟ้
ามหาวชิ
ราวุ
ธ สยาม
มกุ
ฎราชกุ
มาร เป็
นอุ
ปนายกพร้
อมทั้
งพระราชทานรายชื่
อ
ผู้
ที่
จะเป็
นกรรมการ ได้
แก่
“กรมหลวงวชิ
รญาณวโรรส
กรมหลวงเทวะวงษ์
วโรประการ กรมหลวงดำ
�รงราชานุ
ภาพ
กรมขุ
นสมมต เจ้
าฟ้
ากรมหลวงนริ
ศรานุ
วั
ติ
วงษ์
เปนต้
น”
และพระศรี
สุ
นทรโวหาร เป็
นเลขานุ
การ พร้
อมกั
บพระราช
หั
ตถเลขาฉบั
บนี้
พระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว
ทรงพระกรุ
ณาโปรดเกล้
าฯ พระราชทาน “คำ
�ชั
กชวน” เป็
น
เอกสารแนบเพื่
อชี้
แจงมู
ลเหตุ
ปั
ญหา และความพยายาม
แก้
ไขโดยวิ
ธี
อื่
นก่
อนหน้
านี้
เช่
น ประกาศในราชกิ
จจานุ
เษกษา
และแต่
งตำ
�ราเรี
ยน ซึ่
งไม่
ได้
ผล และทรงชี้
แจงจุ
ดประสงค์