Page 49 - july53

Basic HTML Version

๔๗
เป็
นภาษาแห่
งภาพยนตร์
เพื่
อแสดงความรู้
สึ
กนึ
กคิ
ด หรื
เพื่
อสะกิ
ดเตื
อนใจให้
คนดู
ได้
ใช้
ความคิ
ด หรื
อทำ
�ให้
ธรรมอย่
าง
ใดอย่
างหนึ่
งปรากฏขึ้
นในใจของคนดู
บ้
างหรื
อไม่
?
ในความเห็
นของผู้
เขี
ยนเอง เห็
นว่
า ภาพที่
ได้
เห็
นจาก
ภาพยนตร์
ไทยเรานั้
น หากจะเปรี
ยบกั
บภาษา ก็
เห็
นจะเป็
ภาษาที่
ออกจะซ้ำ
�ซาก และไม่
ค่
อยชั
ดถ้
อยชั
ดคำ
�นั
ก การใช้
ภาษาที่
ซ้ำ
�ๆกั
นอยู่
เป็
นนิ
จนั้
น หากทำ
�มากเกิ
นไป หรื
อนานไป
ก็
อาจก่
อให้
เกิ
ดความเบื่
อหน่
ายและความรำ
�คาญแก่
ผู้
อื่
นได้
มากฉั
นใด การใช้
คำ
�ซ้ำ
�ๆ ในภาษาแห่
งภาพยนตร์
ก็
ย่
อมจะ
ให้
ผลฉั
นเดี
ยวกั
ที่
พู
ดมานี้
เป็
นการพู
ดด้
วยความหวั
ง ด้
วยความเชื่
ถื
อในสติ
ปั
ญญาอั
นเฉลี
ยวฉลาดสามารถของคนไทย และ
ด้
วยความมั่
นใจในความรู้
สึ
กอั
นเติ
บโตเป็
นผู้
ใหญ่
ของคนไทย
ทางด้
านศิ
ลป ซึ่
งชาติ
ไทยเราเป็
นชาติ
ที่
เก่
าแก่
โบราณ มี
ศิ
ลป
วั
ฒนธรรมของตั
วเองที่
เจริ
ญรุ่
งเรื
องมานานหนั
กหนาแล้
ผู้
เขี
ยนเชื่
อว่
า หากผู้
สร้
างภาพยนตร์
ไทย จะใช้
ความรู้
ความ
สามารถกั
นให้
มากขึ้
น ความหวั
งที่
อุ
ตสาหกรรมภาพยนตร์
ไทยของเรา จะเติ
บโตมั่
นคง ก็
คงจะมี
มากขึ้
น”
นั
บตั้
งแต่
วั
นที่
อาจารย์
คึ
กฤทธิ์
เขี
ยนเรื่
องนี้
มา
จนถึ
งวั
นนี้
เวลาก็
ผ่
านมาแล้
ว ๔๘ ปี
ภาพยนตร์
ไทยมี
ความเปลี่
ยนแปลงไปจากคื
นวั
นที่
อาจารย์
คึ
กฤทธิ์
ยั
งมี
ชี
วิ
ตอยู่
มากมายหลายอย่
าง แต่
อุ
ตสาหกรรมภาพยนตร์
ไทย โดยรวม
ก็
ดู
จะยั
งไม่
“เติ
บโตมั่
นคง” มากนั
ก เหมื
อนอย่
างที่
อาจารย์
คึ
กฤทธิ์
หวั
งไว้
ในข้
อเขี
ยนที่
กล่
าวมา
สาเหตุ
ที่
ทำ
�ให้
อุ
ตสาหกรรมหนั
งไทย ไม่
เติ
บโตมั่
นคง
นั
ก ก็
มี
ที่
มาจากปั
จจั
ยหลายอย่
าง
แต่
ทุ
กอย่
างสรุ
ปลงในภาพรวมได้
ว่
า การเติ
บโต
หรื
อการพั
ฒนาของอุ
ตสาหกรรมนี้
จะเป็
นไปได้
มาก ถ้
าทั้
ทางภาคเอกชน (คื
อ ตั
วผู้
ประกอบการเอง, หรื
อฝ่
ายธุ
รกิ
อุ
ตสาหกรรมหนั
ง, และฝ่
ายคนดู
) และทางภาครั
ฐ จะได้
ร่
วม
มื
อร่
วมใจกั
การพยายามปรั
บปรุ
งแก้
ไขกฎหมายหนั
งฉบั
บใหม่
(ที่
ใช้
มานานกว่
าอายุ
ประชาธิ
ปไตยในเมื
องไทย) ก็
เกิ
ดขึ้
นด้
วย
เหตุ
ผลแห่
งความพยายามของภาครั
ฐ ในอั
นที่
จะมี
ส่
วนร่
วมใน
การส่
งเสริ
มอุ
ตสาหกรรมหนั
งตามเจตนานี้
แต่
ถึ
งกระนั้
นก็
ดี
“ความรู้
” ของทั้
งภาครั
ฐและภาค
เอกชนที่
ควรจะมี
“ความรู้
เรื่
องหนั
ง” ไว้
บ้
างก็
เป็
นสิ่
งจำ
�เป็
ด้
วย ซึ่
งผมยื
นยั
นได้
ณ ช่
วงเวลาที่
เขี
ยนเรื่
องนี้
(เมื่
อกลาง
ปี
พ.ศ. ๒๕๕๓) ว่
า คนส่
วนใหญ่
ในภาครั
ฐ และภาคเอกชน
ยั
งมี
ความรู้
ไม่
มากนั
ก ในการเรี
ยน-รู้
-เรื่
องหนั
งที่
กล่
าวมา
ข้
าราชการไทย
หลายคนยั
งมี
ความรู้
เรื่
อง ภาพยนตร์
หรื
อศิ
ลปภาพยนตร์
หรื
อความเข้
าใจสภาวะของธุ
รกิ
อุ
ตสาหกรรมในเมื
องไทย (ซึ่
งมี
ทั้
งธุ
รกิ
จหนั
งไทย และธุ
รกิ
การนำ
�หนั
งต่
างประเทศเข้
ามาฉายหรื
อเข้
ามาขายในเมื
องไทย)
น้
อยมาก
นอกจากนี้
ยั
งมี
ธุ
รกิ
จของบริ
ษั
ทคนไทย ที่
รั
บเป็
ตั
วกลางในการประสานงานการถ่
ายทำ
�หนั
งเมื่
อมี
ชาวต่
าง
ประเทศจะเข้
ามาถ่
ายทำ
�หนั
งในเมื
องไทย อั
นเป็
นธุ
รกิ
จที่
แยกออกต่
างหากจากสองธุ
รกิ
จข้
างต้
นนั้
นเกิ
ดขึ้
นมาอี
ก เมื่
ประมาณสี่
ห้
าทศวรรษที่
แล้
วมา
บางครั้
งการขาดความรู้
ที่
พอเพี
ยงนั้
น กลายเป็
อุ
ปสรรคในการเติ
บโตของธุ
รกิ
จอุ
ตสาหกรรมหนั
งทั้
งระบบ
ของประเทศไทยในปั
จจุ
บั
ด้
าน
คนดู
หนั
การขาดความรู้
เรื่
องหนั
ง (อย่
าง
พอสมควร) ก็
อาจจะทำ
�ให้
คนดู
หนั
งทั่
วไปแยกไม่
ออก
ว่
าศิ
ลปะภาพยนตร์
กั
บหนั
งหรื
อละครตบจู
บที่
นำ
�เสนอทาง
โทรทั
ศน์
(ซึ่
งดู
จะพั
ฒนาจากศิ
ลปะการละครมากกว่
าการนำ
เสนอในรู
ปศิ
ลปภาพยนตร์
) คนดู
ก็
ไม่
สามารถแยกออกบอก
ชั
ดได้
ว่
า มี
ความเหมื
อนหรื
อความต่
างกั
นอย่
างไร?
เมื่
อคนดู
(ส่
วนใหญ่
) ก็
ยั
งดู
ไม่
ออก คนเขี
ยนกฎหมาย
หรื
อคนใช้
กฎหมายบางคนก็
มี
ความรู้
ไม่
ต่
างจากคนดู
คนหนึ่
มากนั
ก การเขี
ยน กฎ ระเบี
ยบ ข้
อบั
งคั
บบางเรื่
อง หรื
อการใช้
กฎหมายกั
บหนั
งบางเรื่
องบางประเภท ก็
มี
โอกาสสร้
างความ
ชุ
ลมุ
ลวุ่
นวายได้
มาก ในบางครั้
งบางครา
ด้
าน
คนสร้
างหนั
งบางคน
ก็
ยึ
ดธุ
รกิ
จเป็
นหลั
หลายคนพอใจที่
จะทำ
�ธุ
รกิ
จให้
ได้
เงิ
นมากกว่
าการคำ
�นึ
งถึ
เรื่
องอื่
นใดทั้
งสิ้
น ถ้
าไม่
มี
ความจำ
�เป็
นด้
วยประการใดๆ
หนั
งไทยจึ
งหั
นรี
หั
นขวางเป็
นอย่
างยิ่
งอยู่
ในขณะนี้
สถานการณ์
ยั
งฟั
นธงไม่
ได้
ว่
ากำ
�ลั
งจะเติ
บโตหรื
อจะเจี
ยนตาย
ในปั
จจุ
บั
แต่
ที่
แน่
ๆ ก็
คื
อ “ความรู้
เรื่
องหนั
ง” ของคนไทยทุ
ฝ่
าย ก็
ยั
งไม่
ดี
ขึ้
นมากนั
ก นั
บตั้
งแต่
วั
นเวลาที่
อาจารย์
คึ
กฤทธิ์
เขี
ยนเรื่
องราวเหล่
านี้
ไว้
เมื่
อสี่
สิ
บแปดปี
ก่
อน มาจนถึ
งปั
จจุ
บั
ทั้
งหมดนี้
คื
อ สภาวะที่
เป็
นอยู่
ซึ่
งมี
ผลต่
อการตั
ดสิ
นใจของ
ผมไม่
น้
อย ว่
ถ้
ายั
งมี
เวลาและโอกาสที่
สามารถทำ
�ได้
ผมจะ
พยายามนำ
�เสนอ “การเรี
ยน-รู้
-เรื่
องหนั
ง” ต่
อไปอี
กเพื่
เพิ่
มความรู้
อี
กอย่
างหนึ่
งให้
มากขึ้
นในสั
งคมไทยครั