๓๖
โดยวาทกรรมที่
ถู
กใช้
ช่
วงชิ
งความได้
เปรี
ยบกั
นก็
คื
อ
สิ่
งที่
เรี
ยกว่
า
ภู
มิ
ปั
ญญาชาวบ้
าน หรื
อ ภู
มิ
ปั
ญญาท้
องถิ่
น
เป็
นซึ่
งเป็
นวั
ฒนธรรมนำ
�เข้
าจากภายนอกทั้
งในแง่
ภาษา
และนิ
ยามความหมาย ผ่
านนั
กวิ
ชาการ โดยที่
ตั
วชาวบ้
าน
เองก็
พอใจอยากได้
จึ
งรั
บเอาคำ
�นี้
ไปใช้
เป็
นของตั
วเองอย่
าง
สนิ
ทสนมโดย อ้
างถึ
ง ค้
นหา เอามายื
นยั
นฯลฯ จนเป็
น
เรื่
องปกติ
โดยถื
อเป็
น
แกนกลางของการสร้
างอั
ตลั
กษณ์
ท้
องถิ่
นที่
ถู
กสร้
างขึ้
นมาใหม่
เพื่
อตอบสนองรั
บใช้
รั
ฐและ
ตลาดสมั
ยใหม่
ที่
เชื่
อมโยงท้
องถิ่
นต่
างๆ เข้
าเป็
นอั
นหนึ่
ง
อั
นเดี
ยวกั
นอย่
างเบ็
ดเสร็
จ โดยทั้
งหมดนี้
ทำ
�ให้
ตั
วตนเดิ
มของ
ท้
องถิ่
นต่
างๆเลื
อนหายไป ด้
วยสาเหตุ
ที่
ไม่
สอดคล้
องกั
บ
วิ
ถี
ในโครงสร้
างสั
งคมใหม่
ที่
มี
ความซั
บซ้
อนมากกว่
าใน
อดี
ต โดยกระบวนการนี้
เริ่
มขึ้
นในสมั
ยรั
ชกาลที่
๕ และเพิ่
ม
ความเข้
มข้
นในยุ
คพั
ฒนาของจอมพลสฤษดิ์
ธนะรั
ชต์
โดย
ภู
มิ
ปั
ญญาที่
ถู
กสร้
างขึ้
นใหม่
เช่
น การทำ
�มาหากิ
นและความ
มั่
นคงทางอาหารและสั
งคม ก็
มี
ความสั
มพั
นธ์
กั
บสิ่
งที่
เรี
ยกว่
า
ภู
มิ
ปั
ญญาชาวบ้
าน ดั
งนั้
นหมายความว่
าคิ
ดเรื่
องอะไรก็
ได้
ล้
วนเป็
นหรื
อสั
มพั
นธ์
กั
บภู
มิ
ปั
ญญาชาวบ้
านทั้
งนั้
น วาทกรรม
นี้
ทรงพลั
ง แต่
ต้
องระวั
งเพราะจะมี
ผู้
ช่
วงชิ
งกั
นเข้
ามาให้
ความหมาย ที่
ทำ
�ให้
ชาวบ้
านเองหมดพลั
งต่
อรองลงได้
เช่
น ถ้
าภู
มิ
ปั
ญญาชาวบ้
านหมายถึ
งความฉลาดที่
จะผลิ
ต
กระบวยสั
งวาสศิ
ลปะชาวบ้
านสมบั
ติ
ส่
วนตั
วอาจารย์
นิ
วั
ติ
กองเพี
ยร
กระต่
ายขู
ดมะพร้
าวในวั
ฒนธรรมพื้
นบ้
านปั
กษ์
ใต้
ชุ
ดกั
นฝนชาวนาในเวี
ยดนาม
ศิ
ลปะและภู
มิ
ปั
ญญาชาวบ้
าน
โดยเบื้
องต้
นมี
เป้
าหมายเพี
ยงเพื่
อสนองตอบต่
อ
ความต้
องการและความ
จำ
�เป็
นพื้
นฐานของมนุ
ษย์
ในการที่
จะมี
ชี
วิ
ตรอด โดยต้
อง
อาศั
ยสิ่
งที่
เรี
ยกว่
า
ปั
จจั
ย ๔
รวมถึ
ง ปั
จจั
ยส่
วนอื่
นๆ ที่
เกี
่
ยวเนื่
อง ตามวิ
ถี
โครงสร้
างแห่
งสั
งคมใหม่
ซึ
่
งประกอบไปด้
วย
๑. อาหารการกิ
น ๒. เครื่
องนุ่
งห่
ม ๓. ยารั
กษาโรค
๔. ที่
อยู่
อาศั
ย ๕. พาหนะการเดิ
นทาง ๖. ความเชื่
อทางจิ
ต
วิ
ญญาณ ๗. วั
ฒนธรรมการติ
ดต่
อสื่
อสาร
โดย บทความนี้
จะมุ่
งเน้
นวิ
เคราะห์
ไปในงานช่
างของใช้
เป็
นหลั
ก โดยจะเห็
น
ได้
ว่
า ทั้
งหมดมี
เป้
าหมายที่
มุ่
งผลสำ
�เร็
จด้
านประโยชน์
ใช้
สอย
เพื่
ออำ
�นวยความสะดวกให้
แก่
มนุ
ษย์
เป็
นหลั
กสำ
�คั
ญ จนเป็
น
ที่
น่
าพอใจในระดั
บหนึ่
ง ถึ
งจะคำ
�นึ
งถึ
งเรื่
องสุ
นทรี
ยความงาม
ทางศิ
ลปะ ที่
สนองตอบต่
ออารมณ์
ความรู้
สึ
ก (ซึ่
งไม่
มี
ขี
ดจำ
�กั
ด) โดยประเด็
นนี้
ยั
งถู
กใช้
ตอบสนองต่
อการจั
ด
ระเบี
ยบทางชนชั้
นทางสั
งคม แห่
งระบบศั
กดิ
นาเพื่
อส่
งเสริ
ม
เกื้
อหนุ
น จนกลายเป็
นระบบความเชื่
อความศรั
ทธาในเวลา
ต่
อมา