๓๕
วั
ฒนธรรมวิ
พากษ์
เมื่
อกล่
าวถึ
งคำ
�ว่
า
ศิ
ลปะ
ดู
จะเป็
นเรื่
องที่
ไกลตั
วและ
ไม่
คุ้
นเคยกั
บวิ
ถี
ผู้
คนที่
ถู
กเรี
ยกขานว่
า
ชาวบ้
าน
ที่
มี
นั
ยยะ
ความหมายไปในทางที่
แล
ดู
ว่
าเป็
นกลุ่
มบุ
คคลที่
ดู
ต่ำ
�ต้
อย
ด้
อยศั
กดิ์
ศรี
ขาดโอกาส
ที่
ต้
องได้
รั
บการพั
ฒนา บางครั้
ง
ถู
กทำ
�ให้
กลายเป็
น
คนอื่
น
จนตกเป็
น
วาทกรรมทางสั
งคม
การเมื
อง
ในมิ
ติ
ความหมายต่
างๆ ซึ่
งมั
กถู
กนำ
�ไปใช้
ช่
วงชิ
ง
ต่
อรองด้
านผลประโยชน์
ทางการเมื
องอยู่
เสมอๆ โดยทั้
งหมด
ได้
ส่
งผลกระทบต่
อ
ทั
ศนคติ
และความเชื่
อมั่
น ความ
ศรั
ทธาต่
อวั
ฒนธรรมของตนเอง
ทั้
ง
คนในที่
เป็
นเจ้
าของ
วั
ฒนธรรมนั้
นๆ
และรวมถึ
งคนนอกวั
ฒนธรรม ดั
งนั้
นนั
ยยะ
แห่
งคุ
ณค่
าและความหมายที่
มี
ต่
อ
ศิ
ลปะ
ในวิ
ถี
ชาวบ้
าน
จึ
งเป็
นสิ่
งที่
ไม่
คุ้
นชิ
น หากแต่
ถ้
าเป็
น งานช่
าง ดู
เหมื
อน
จะใกล้
ชิ
ดและคุ้
นเคยกั
บวิ
ถี
ประจำ
�วั
นมากกว่
า (โดยคำ
�ว่
า
ศิ
ลปะ
นั้
น วั
ฒนธรรมกระแสหลั
กเองก็
นำ
�เข้
ามาจากฝรั่
ง
เมื่
อสมั
ยรั
ชกาลที่
๖ นี่
เอง โดยในวิ
ถี
สั
งคมเก่
าจะคุ้
นเคย
กั
บคำ
�ว่
า
งานช่
าง
หรื
อ
ช่
าง
มากกว่
า เฉกเช่
นเดี
ยวกั
น
กั
บสั
งคมชาวบ้
าน) และคำ
�ว่
า
ภู
มิ
ปั
ญญาชาวบ้
าน
ใน
ทั
ศนคติ
ของสั
งคมกระแสหลั
กมั
กมี
ภาพในจิ
นตนาการเพี
ยง
แค่
กระบวนการแห่
งการปรั
บตั
วหรื
อการแก้
ไขปั
ญหา
เพื่
อ
ดำ
�รงอยู่
ร่
วมกั
บธรรมชาติ
โดยพึ่
งพาเทคโนโลยี
ภายนอก
ให้
น้
อยที่
สุ
ด
และโดยเฉพาะเมื่
อมี
คำ
�ว่
า
ชาวบ้
าน
ถู
กนำ
�
มาต่
อท้
ายคำ
�ว่
า
ภู
มิ
ปั
ญญา
ด้
วยแล้
ว ยิ่
งตอกย้ำ
�ทำ
�ให้
เข้
าใจ
ไปอี
กว่
า คงเป็
นอะไรที่
เกี่
ยวเนื่
องในวิ
ถี
สั
งคมชาวนาที่
อยู่
ในภาคเกษตรกรรม ซึ่
งเป็
นชนชั้
นล่
างสุ
ดในโครงสร้
าง
สั
งคมไทย โดยเป็
นเรื่
องของกระบวนการสร้
างสรรค์
ตามเหตุ
ปั
จจั
ยที่
มี
ต่
อสิ่
งหนึ่
งสิ่
งใด ทั้
งในลั
กษณะเชิ
งรุ
ก
(พั
ฒนาต่
อยอด) และเชิ
งรั
บ (การแก้
ไข) ในบริ
บทของ
วั
ฒนธรรมหนึ่
งๆ ไม่
ว่
าจะเป็
นวั
ฒนธรรมหลวง ซึ่
งเป็
น
วั
ฒนธรรมกระแสหลั
ก หรื
อจะเป็
นวั
ฒนธรรมชาวบ้
านที่
เป็
น
วั
ฒนธรรมรองตามการจั
ดระเบี
ยบของโครงสร้
างทางสั
งคม
แบบรั
ฐชาติ
อย่
างอำ
�นาจรวมศู
นย์
แบบสั
งคมไทย โดยทั้
งนี้
เมื่
อพิ
จารณาในแง่
คุ
ณค่
าโดยตั
ดระบบโครงสร้
างทางสั
งคม
(ที่
หมายถึ
งระบบชนชั้
น) ออกไปแล้
วก็
จะพบได้
ว่
า
วั
ฒนธรรม
ทั้
งสอง
ต่
างก็
มี
สิ่
งที่
เรี
ยกว่
าศิ
ลปะและภู
มิ
ปั
ญญา เป็
นของ
ตนเองด้
วยกั
นทั้
งสิ้
น แตกต่
างกั
นเพี
ยงรู
ปแบบ ตามเงื่
อนไข
ของแต่
ละสภาพแวดล้
อมของแต่
ละสั
งคมวั
ฒนธรรม เช่
นใน
สั
งคมเมื
องก็
มี
การนำ
�เอาเทคโนโลยี
ต้
นทุ
นต่ำ
� (นี่
ก็
เป็
นการ
พยายามในการพึ่
งพาตนเอง) พวกวั
สดุ
เหลื
อใช้
มาออกแบบ
สร้
างสรรค์
เป็
นผลิ
ตภั
ณฑ์
หรื
อสร้
างนวั
ตกรรมใหม่
ดั
งนั้
น
คำ
�ว่
า
ภู
มิ
ปั
ญญาจึ
งเป็
นเรื่
องการปรั
บประยุ
กต์
พั
ฒนาแก้
ไข
โดยใช้
สิ่
งที่
มี
อยู่
รอบตั
ว นำ
�มาใช้
อย่
างมี
ประสิ
ทธิ
ภาพสู
งสุ
ด
และเกิ
ดผลกระทบตามมาน้
อยที่
สุ
ด
ไม่
ว่
าจะอยู่
ในบริ
บท
วั
ฒนธรรมเมื
องหรื
อชนบท และแน่
นอนที่
ว่
าต้
องมี
การ
ผสมผสานข้
ามวั
ฒนธรรมทั้
งวั
ฒนธรรมหลวงและวั
ฒนธรรม
ชาวบ้
าน รวมถึ
งวั
ฒนธรรมนำ
�เข้
าจากภายนอกที่
มาจากการ
ติ
ดต่
อค้
าขายข้
ามวั
ฒนธรรม
ติ๊
ก แสนบุ
ญ... เรื่
องและรู
ป
เล้
าข้
าวชาวขมุ
หรื
อกำ
�มุ
ในสปป.ลาวตอนใต้