Page 27 - july53

Basic HTML Version

๒๕
ภู
มิ
ปั
ญญาไทย
เรื่
องราวของลวดลายนาคนั้
นมี
การนำ
�มาทอบน
ผื
นผ้
าในหลายวั
ฒนธรรม จึ
งทำ
�ให้
มี
ขอบเขตเนื้
อหาขยาย
วงกว้
างจึ
งเป็
นเรื่
องที่
มี
ความจำ
�เป็
นจะต้
องมี
การศึ
กษา
ค้
นคว้
าวิ
จั
ยอย่
างละเอี
ยดลึ
กซึ้
ง ในบทความครั้
งนี้
เราจะ
พิ
จารณาลวดลายผ้
ากั
บความเชื่
อมโยงทางวั
ฒนธรรม เพราะ
ลวดลายผ้
าเป็
นกุ
ญแจสำ
�คั
ญประการหนึ่
งที่
จะแสดงให้
เห็
ถึ
งความเป็
นมาทางวั
ฒนธรรม ถิ่
นฐานเดิ
มของชุ
มชนและ
ประวั
ติ
ความเป็
นมาของผู้
คน เราหวั
งว่
าการศึ
กษาครั้
งนี้
จะ
ช่
วยสร้
างองค์
ความรู้
เพิ่
มเติ
มเกี่
ยวกั
บลวดลายผ้
าทอในลุ่
แม่
น้ำ
�โขง
ในพื้
นที่
บริ
เวณอี
สานตอนล่
างของประเทศไทย ช่
าง
ทอผ้
าในท้
องถิ่
นนี้
ได้
สร้
างสรรค์
ลวดลายผ้
าไว้
มากมายโดย
นิ
ยมทอด้
วยเทคนิ
ค “มั
ดหมี่
” เพื่
อใช้
เป็
นเครื่
องนุ่
งห่
มท่
อนล่
าง
ของร่
างกายคื
อ “ผ้
าซิ่
น” โดยสร้
างสรรค์
ลวดลายด้
วย
แรงบั
นดาลใจทั้
งจาก พั
นธุ์
พื
ช สั
ตว์
นานาชนิ
ด และสิ่
งต่
างๆ
ในโลกของเทพตำ
�นาน นิ
ยาย นิ
ทาน ที่
เกี่
ยวข้
องกั
บวิ
ถี
ชี
วิ
วั
ฒนธรรมและความเชื่
อที่
สื
บเนื่
องกั
นมา ในบรรดาลวดลาย
เหล่
านี้
เราสั
งเกตพบว่
ลวดลาย “นาค” เป็
นลวดลาย
โบราณจากเทพตำ
�นาน
ซึ่
งพบเห็
นหลั
กฐานบนผื
นผ้
โบราณของชนเผ่
าที่
อาศั
ยอยู่
ในลุ่
มแม่
น้ำ
�โขง ในครั้
งนี้
จะของ
นำ
�เสนอลวดลายนาคเฉพาะกรณี
ที่
พบในผื
นผ้
ามั
ดหมี่
ใน
บริ
เวณนี้
เราได้
เรี
ยนรู้
ว่
าคำ
�ว่
า “นาค” เป็
นคำ
�ที่
ได้
รั
บมา
จาก คำ
�ว่
า “นาคา” ในภาษาบาลี
ซึ่
งเป็
นภาษาโบราณของ
อิ
นเดี
ย โดยสั
นนิ
ษฐานว่
าความชื่
อเรื่
องนาคน่
าจะรั
บเข้
ามา
โดยผ่
านพระพุ
ทธศาสนาที่
เผยแพร่
เข้
ามาในภู
มิ
ภาคนี้
นาค
ได้
ปรากฏอยู่
ในพุ
ทธประวั
ติ
ตอนสำ
�คั
ญคื
อการที่
พญานาค
มาแผ่
พั
งพานปกป้
องพระพุ
ทธองค์
จากพายุ
ฝนของ
พระยามารก่
อนการที่
พระพุ
ทธองค์
ตรั
สรู้
(Pat r icia
Cheesman, 2004:260) ประเทศไทยเป็
นเมื
องพระพุ
ทธ
ศาสนา ลวดลายนาคปรากฏอยู่
บนหลั
งคาโบสถ์
และ
การตกแต่
งพุ
ทธสถานในทุ
กพื้
นที่
ของประเทศ กรณี
ของพื้
นที่
อี
สานตอนล่
างของประเทศไทย นั้
นเราได้
มอง
เห็
นวั
ฒนธรรมที่
เชื่
อมโยงย้
อนไปถึ
งยุ
คเขมรโบราณ
เพราะชุ
มชนในพื้
นที่
นี้
เคยอยู่
ภายใต้
การปกครองของ
วั
ฒนธรรมนี้
มาก่
อน ส่
วนวั
ฒนธรรมเขมรโบราณนั้
ก็
มี
หลั
กฐานทางประวั
ติ
ศาสตร์
ว่
าได้
รั
บอิ
ทธิ
พลมาจาก
วั
ฒนธรรมอิ
นเดี
ยโบราณ ทั้
งศาสนาฮิ
นดู
และศาสนาพุ
ทธ
ดั
งปรากฏหลั
กฐานให้
เราได้
พบที่
ปราสาทหิ
นต่
างๆ ในบริ
เวณนี้
เช่
น ปราสาทหิ
นพิ
มาย ปราสาทหิ
นศรี
ขรภู
มิ
ปราสาทหิ
นเขา
พระวิ
หาร ปราสาทหิ
นพนมรุ้
ง ฯลฯ
สิ่
งที่
น่
าสนใจมากในการวิ
จั
ยจากการสำ
�รวจวิ
จั
ยพื้
นที่
ในประเทศอิ
นเดี
ยและสำ
�รวจหลั
กฐานสิ่
งทอ เราพบว่
าช่
างทอ
ชาวอิ
นเดี
ยไม่
มี
การสร้
างสรรค์
ลวดลายนาคบนผ้
าทอมื
ของตนเองเพื่
อใช้
เป็
นเครื่
องนุ่
งห่
มแบบที่
ถื
อปฏิ
บั
ติ
ใน
ประเทศไทย มี
เพี
ยงการวาดลวดลายนาคเป็
นส่
วนประกอบ
ของเทพเทวดาบนผื
นผ้
าเพื่
อใช้
เป็
นภาพบู
ชา ส่
วนหลั
กฐาน
ภาพลวดลายนาคที่
พบในวั
ดอิ
นเดี
ยก็
แตกต่
างจากที่
ปรากฏ
ในวั
ดไทย ลาว และวั
ดเขมร คื
อ เทวลั
ยในประเทศอิ
นเดี
ไม่
มี
การใช้
ลายนาคในลั
กษณะเพื่
อประกอบการตกแต่
ศาสนสถานเป็
น สะพานนาค บั
นไดนาค คั
นทวยนาค แบบ
ที่
เราพบหลั
กฐานในศิ
ลปะของปราสาทหิ
นในประเทศไทย
และกั
มพู
ชา ดั
งนั้
นคำ
�ถามสำ
�คั
ญในการวิ
จั
ยในครั้
งนี้
คื
ต้
นกำ
� เนิ
ดของลวดลายนาคที่
ปร ากฏบนผ้
า ไหมใน
ภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อตอนล่
างของประเทศไทยมาจากไหน
ในยุ
คก่
อนที่
ศาสนาพุ
ทธและศาสนาฮิ
นดู
จะเข้
ามา
เผยแพร่
ในประเทศไทย เราพบว่
ามี
หลั
กฐานที่
น่
าสนใจของ
ลวดลายงู
หรื
อนาคในพื้
นที่
ประเทศไทยแล้
ว ดั
งที่
อรไท ผลดี
ได้
ศึ
กษาไว้
ในปี
พ.ศ. ๒๕๔๒ หลั
กฐานเก่
าแก่
ชิ้
นแรกคื
ภาพเขี
ยนพิ
ธี
กรรมบู
ชางู
หรื
อนาคที่
ถ้ำ
�เขาเขี
ยน ตำ
�บล
เขาปั
นหยี
จั
งหวั
ดพั
งงา ในภาคใต้
ของประเทศไทย
หลั
กฐานชิ้
นที่
สอง พบที่
ถ้ำ
�เขาสามเหลี่
ยม อำ
�เภอเมื
อง
จั
งหวั
ดกาญจนบุ
รี
เป็
นภาชนะดิ
นเผาในยุ
คหิ
นใหม่
ตกแต่
เป็
นลายเชื
อกทาบมี
รู
ปลายงู
เลื้
อยเป็
นรู
ปคลื่
น หลั
กฐานชิ้
ที่
สามเป็
นภาชนะดิ
นเผาเขี
ยนสี
แดงในยุ
คก่
อนประวั
ติ
ศาสตร์
ของบ้
านเชี
ยง จั
งหวั
ดอุ
ดรธานี
ในภาตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
ของประเทศไทย ภาชนะดิ
นเผานี้
ตกแต่
งด้
วยลวดลายที่
คล้
ายกั
บตั
วงู
ดร.สิ
ทธิ
ชั
ย สมานชาติ
...เรื่
อง