Page 15 - Jan53

Basic HTML Version

เสี
ยเปรี
ยบแต่
พระองค์
ก็
มี
พระสติ
มั่
ไม่
หวั่
นไหว ทรงมี
พระปฏิ
ภาณว่
องไว
ว่
าพระองค์
จะทรงรอดได้
มี
เพี
ยงทาง
เดี
ยวคื
อ เชิ
ญพระมหาอุ
ปราชาเสด็
มาทำ
�ยุ
ทธหั
ตถี
ซึ่
งพระองค์
ก็
สามารถ
กระทำ
�ยุ
ทธหั
ตถี
จนได้
ชั
ยชนะอย่
างสม
พระเกี
ยรติ
และนั
บแต่
นั้
นมาก็
ไม่
มี
กองทั
พใดกล้
ายกมาตี
กรุ
งศรี
อยุ
ธยา
อี
กเลย
สำ
�หรั
บช้
างพระที่
นั่
งของสมเด็
พระนเรศวรมหาราชที่
มี
ชั
ยชนะแก่
ข้
าศึ
กในสงครามยุ
ทธหั
ตถี
นั้
น เดิ
มมี
ชื่
ว่
พลายภู
เขาทอง
เมื่
อมี
ชั
ยชนะก็
ได้
รั
บพระราชทานนามว่
เจ้
าพระยา
ปราบหงสาวดี
ส่
วนพระแสงของ้
าว
ที่
ทรงประหารพระมหาอุ
ปราชาต่
อมา
ได้
พระราชทานนามว่
พระแสงแสน
พลพ่
าย
และพระมาลาที
ถู
กฟั
นขาดตอน
ทรงเบี่
ยงหลบ ได้
พระราชทานนามว่
พระมาลาเบี่
ยง
เห็
นได้
ว่
าสมเด็
จพระนเรศวร
มหาราช ทรงเป็
นพระมหากษั
ตริ
ย์
ที่
ทรงเชี่
ยวชาญการรบอย่
างยิ่
ง ทรง
พระปรี
ชาเฉลี
ยวฉลาดในการวางแผน
ยุ
ทธวิ
ธี
และอุ
บายกระบวนศึ
กที่
ไม่
เหมื
อนผู้
ใด ทรงเป็
นผู้
ริ
เริ่
มการรบแบบ
กองโจร คื
อ ใช้
คนน้
อยแต่
สามารถ
ต่
อสู้
กั
บคนจำ
�นวนมากได้
นอกจากนี้
พระองค์
ทรงพระปรี
ชาในการใช้
อาวุ
ที่
ทำ
�การรบแทบทุ
กชนิ
ด เช่
น ปื
น ดาบ
ทวน และง้
าว อย่
างเชี่
ยวชาญยากจะ
หาผู้
ใดเสมอเหมื
อน
การทำ
�ยุ
ทธหั
ตถี
ในสมั
ยสมเด็
พระนเรศวรมหาราช ถื
อเป็
นกลยุ
ทธ์
ที่
นั
บว่
ามหั
ศจรรย์
เป็
นยอดแห่
งชั
ยมงคล
และเป็
นครั้
งสุ
ดท้
ายในประวั
ติ
ศาสตร์
ชาติ
ไทย และยั
งเป็
นวี
รกรรมครั้
สำ
�คั
ญที่
ทำ
�ให้
พระเกี
ยรติ
ยศของสมเด็
พระนเรศวรมหาราชเป็
นที่
เลื่
องลื
ไปไกล เนื่
องจากพระองค์
ทรงเป็
พระมหากษั
ตริ
ย์
ชาติ
นั
กรบอย่
างแท้
จริ
เป็
นผู
นำ
�ที
กล้
าหาญและเชี
ยวชาญใน
การรบที่
เก่
งกาจจึ
งทำ
�ให้
ทรงรบชนะ
ข้
าศึ
กมาโดยตลอด
สมเด็
จพระนเรศวรมหาราช
ทรงครองราชสมบั
ติ
ได้
๑๕ ปี
ก็
เสด็
สวรรคตในปี
พ.ศ. ๒๑๔๘ โดยมี
พระ
ชนมายุ
เพี
ยงแค่
๕๐ พรรษาเท่
านั้
ตลอดพระชนม์
ชี
พของพระองค์
ทรง
อุ
ทิ
ศให้
แก่
ประชาชน ทรงทำ
�สงคราม
ตลอดพระชนม์
ชี
พ เริ่
มตั้
งแต่
สงคราม
เพื่
อกอบกู้
อิ
สรภาพให้
กรุ
งศรี
อยุ
ธยา
ไม่
ต้
องเป็
นประเทศราชแก่
พม่
า และ
สงคร าม เพื่
อร วบร วมและขยาย
พระราชอาณาจั
กรให้
มี
ความเข้
มแข็
ถึ
งแม้
ว่
าพระองค์
จะทรงสิ
นพระชนม์
ชี
ไปแล้
ว แต่
ด้
วยพระบารมี
ของพระองค์
ทำ
�ให้
ประเทศของเราปลอดภั
ยจาก
สงครามพม่
ามายาวนานกว่
า ๑๕๐
ปี
ด้
ว ยพ ร ะ ป รี
ช า ส า ม า ร ถแล ะ
พระมหากรุ
ณาธิ
คุ
ณของพระองค์
จึ
ทรงได้
รั
บการถวายพระราชสมั
ญญาว่
สมเด็
จพระนเรศวรมหาราช
ด้
ว ย สำ
� นึ
ก ใ น พ ร ะ ม ห า
กรุ
ณาธิ
คุ
ณของสมเด็
จพระนเรศวร
มหาราช คณะรั
ฐมนตรี
ได้
มี
มติ
เมื่
อวั
นที่
๒๙ พฤศจิ
กายน พ.ศ.๒๕๔๘
กำ
�หนด
ให้
วั
นที่
๑๘ มกราคม ของทุ
กปี
เป็
“วั
นยุ
ทธหั
ตถี
และถื
อให้
วั
นนี้
เป็
นวั
รั
ฐพิ
ธี
แต่
ไม่
ถื
อเป็
นวั
นหยุ
ดราชการ
โดยให้
มี
การจั
ดกิ
จกรรม การประกอบ
พิ
ธี
บวงสรวง การวางพานพุ่
มสั
กการะที่
บริ
เวณพระบรมราชานุ
สรณ์
ดอนเจดี
ย์
และให้
มี
งานสมโภชอนุ
สรณ์
ดอนเจดี
ย์
เพื่
อเป็
นการเฉลิ
มพระเกี
ยรติ
สมเด็
พระนเรศวรมหาราชเป็
นประจำ
�ทุ
กปี
เ นื่
อ ง ใ น วั
นยุ
ทธหั
ตถี
๑๘
มกราคม ๒๕๕๓ ที่
จะถึ
งนี้
เพื่
แสดงถึ
งความจงรั
กภั
กดี
และสำ
�นึ
ในพระมหากรุ
ณาธิ
คุ
ณของสมเด็
พระนเ รศวรมหาราช สำ
�นั
กงาน
คณะกรรมการวั
ฒนธรรมแห่
งชาติ
กระทรวงวั
ฒนธรรม ขอเชิ
ญชวน
ประชาชนชาวไทยร่
วมกั
นสร้
างความ
รั
ก ความสามั
คคี
ให้
เกิ
ดขึ้
นในสั
งคม
ไทย และที่
สำ
�คั
ญทุ
กคนต้
องเห็
นแก่
ประโยชน์
ของประเทศชาติ
เป็
นสำ
�คั
สั
งคมไทยของเราก็
จะ ปราศจากความ
แตกแยกทั้
งปวง เป็
นสั
งคมที่
มี
แต่
ความสมานฉั
นท์
และเอื้
ออาทรต่
อกั
เหมื
อนอย่
างที่
พระองค์
ท่
านได้
ทรง
อุ
ทิ
ศตนเพื่
อปกป้
องรั
กษาแผ่
นดิ
นไทย
ของเราให้
มี
ความเป็
นเอกราชจนมาถึ
ทุ
กวั
นนี้
**********************
๑๓
ข้
อมู
ลอ้
างอิ
ง : หนั
งสื
อวั
นและประเพณี
สำ
�คั
ศิ
ริ
วรรณ คุ้
มโห้