Page 14 - Jan53

Basic HTML Version

๑๘ มกราคม วั
นยุ
ทธหั
ตถี
เป็
นวั
นสำ
�คั
ญอี
กวั
นหนึ่
งของไทย เพื่
ระลึ
กสมเด็
จพระนเรศวรมหาราชที่
ได้
ทรงกระทำ
�ยุ
ทธหั
ตถี
และมี
ชั
ยชนะต่
สมเด็
จพระมหาอุ
ปราชา เมื่
อวั
นที่
๑๘
มกราคม พ.ศ. ๒๑๓๕
ยุ
ทธหั
ตถี
หมายถึ
ง การต่
อสู้
ด้
วยอาวุ
ธบนหลั
งช้
าง เป็
นการรบ
อย่
างกษั
ตริ
ย์
สมั
ยโบราณ โดยบนหลั
ช้
างจะมี
คนนั่
งอยู่
สามคน ตั
วแม่
ทั
จะถื
อง้
าวอยู่
ที่
คอช้
าง คนที่
นั่
งกลาง
จะอยู่
บนกู
บและถื
อหางนกยู
งซ้
ายขวา
โบกเป็
นสั
ญญาณ และคอยส่
งอาวุ
ให้
แม่
ทั
พ อาจจะมี
การสั
บเปลี่
ยนที่
นั่
กั
นตอนกระทำ
�การรบ ที่
ท้
ายช้
างจะมี
ควาญนั่
งประจำ
�ที่
ตามเท้
าช้
างทั้
งสี่
มี
พลประจำ
�เรี
ยกว่
า จตุ
รงคบาท คน
ทั้
งหมดจะถื
ออาวุ
ธ เช่
น ปื
นปลายขอ
หอกซั
ด ของ้
าว ขอเกราะเขน แพน ถ้
เป็
นช้
างยุ
ทธหั
ตถี
จะมี
หอกผู
กผ้
าสี
แดง
สองเล่
ม ปื
นใหญ่
หั
นปากออกข้
างขวา
หนึ่
งกระบอก ข้
างซ้
ายหนึ่
งกระบอก มี
นายทหารและพลทหารสวมเกราะโพก
ผ้
า ช้
างที่
เข้
ากระบวนทั
พจะสวมเกราะ
ใส่
เกื
อกหรื
อรองเท้
าเหล็
กสำ
�หรั
บกั
ขวากหนาม โดยทั้
งที่
สี่
เท้
าสวมหน้
าราห์
มี
ปลอกเหล็
กสวมงาทั้
งคู่
และมี
เกราะ
โว่
พั
นงวงช้
าง สำ
�หรั
บพั
งหอค่
ายโดยไม่
เจ็
บปวด
ยุ
ทธหั
ตถี
หรื
อการชนช้
าง เป็
ยอดยุ
ทธวิ
ธี
ของนั
กรบ เพราะเป็
นการ
ต่
อสู้
อย่
างตั
วต่
อตั
ว แพ้
ชนะกั
นด้
วย
ความคล่
องแคล่
วกั
บความชำ
�นิ
ชำ
�นาญ
ในการขั
บขี่
ช้
างชน โดยมิ
ต้
องอาศั
รี้
พลหรื
อกลอุ
บายแต่
อย่
างใด เพราะ
โดยปกติ
ในการทำ
�สงคราม โอกาสที่
จอมทั
พทั้
งสองฝ่
ายจะเข้
าใกล้
ชิ
ดจนถึ
ชนช้
างนั้
นมี
น้
อยมาก ดั
งนั้
น กษั
ตริ
ย์
พระองค์
ใดกระทำ
�ยุ
ทธหั
ตถี
ชนะ ก็
จะ
ได้
รั
บการยกย่
องว่
า มี
พระเกี
ยรติ
ยศ
สู
งสุ
ด และแม้
แต่
ผู้
แพ้
ก็
ได้
รั
บการ
ยกย่
องสรรเสริ
ญว่
าเป็
นนั
กรบแท้
เช่
นกั
ก า ร ทำ
� ยุ
ท ธ หั
ต ถี
ที่
สำ
� คั
ที่
สุ
ด ข อ ง ไ ท ย คื
อ ใ น ส มั
ส ม เ ด็
จ พ ร ะ น เ ร ศ ว ร ม ห า ร า ช
ทร งกระทำ
�ยุ
ทธหั
ตถี
ชนะสม เ ด็
พระมหาอุ
ปราชา เมื่
อปี
พ.ศ. ๒๑๓๕
ในหนั
งสื
อพงศาวดารตอนที่
สำ
�คั
ญที่
สุ
ของประวั
ติ
ศาสตร์
ชาติ
ไทยกล่
าวว่
เมื่
อพระเจ้
านั
นทบุ
เรง ได้
ให้
พระมหา
อุ
ปราชายกทั
พใหญ่
มาตี
กรุ
งศรี
อยุ
ธยา
หวั
งจะเอาชนะให้
ได้
โดยเด็
ดขาด
สมเด็
จพระนเรศวรมหาราชทรงทราบ
ข่
าว จึ
งยกทั
พหลวงไปตั้
งรั
บที่
หนอง
สาหร่
าย ซึ่
งในการต่
อสู้
ครั้
งนั้
น ระหว่
าง
ที่
การรบกำ
�ลั
งติ
ดพั
น ช้
างพระที่
นั่
งของ
สมเด็
จพระนเรศวรมหาราชและพระ
เอกาทศรถ ก็
พากั
นไล่
ล่
าศั
ตรู
อย่
าง
เมามั
น จนพาทั้
งสองพระองค์
ตกไป
อยู่
ในวงล้
อมของข้
าศึ
กโดยไม่
รู้
ตั
ว มี
เพี
ยงจตุ
รงคบาท (ผู้
รั
กษาเท้
าทั้
งสี่
ของช้
างทรง) และทหารรั
กษาพระองค์
เท่
านั้
นที่
ติ
ดตามไป แม้
จะอยู่
ในสภาวะ
๑๒