๔๒
สาระน่
ารู้
สมบั
ติ
ภู่
กาญจน์
...เรื่
อง
คำ
�ว่
า “ภาพยนตร์
” ในภาษาไทยนั้
น ก็
แสดงถึ
งความหมาย
อยู่
แน่
ชั
ดแล้
วว่
าภาพนั้
น มิ
ใช่
ภาพนิ่
ง แต่
เป็
นภาพที่
มี
ความ
เคลื่
อนไหว
ความเคลื่
อนไหวจึ
งเป็
นธาตุ
ที่
สำ
�คั
ญอี
กอย่
างหนึ่
งใน “ภาษา
ของภาพยนตร์
”
แต่
ถึ
งกระนั้
นก็
ดี
ก็
ยั
งมี
อี
กเสี
ยงหนึ่
งที่
พู
ดว่
า ความเคลื่
อนไหว
แห่
งภาพยนตร์
นั้
นต่
างหาก ที่
สามารถตรึ
งความสนใจของคนดู
ไว้
ได้
ไม่
ใช่
ตั
วภาพแต่
ละภาพ
คำ
�พู
ดนี
้
แม้
เสมื
อนว่
าจะเป็
นความเห็
นแย้
ง แต่
ก็
เป็
นความจริ
ง
เพราะความเคลื่
อนไหวในภาพยนตร์
นั้
น เป็
นธาตุ
ที่
ทำ
�ให้
ผู้
กำ
�กั
บการแสดงใช้
แสดงความในใจหรื
อความนึ
กคิ
ดของเขาได้
มาก
ที่
สุ
ด เพราะความรู้
สึ
กที่
ว่
ามี
ความเคลื่
อนไหวนั้
น สามารถทำ
�ได้
หลาย
ทาง และถ้
าทำ
�ให้
ถู
กแล้
วก็
จะใช้
แสดงความหมายต่
างๆ ได้
มากมาย
หลายอย่
าง ไม่
มี
ที่
สิ้
นสุ
ด
ข้
อความเริ่
มต้
นดั
งกล่
าวนี้
อาจารย์
หม่
อมราชวงศ์
คึ
กฤทธิ์
ปราโมช ครู
ใหญ่
ในทางศิ
ลปวั
ฒนธรรมของผมได้
เขี
ยนเอาไว้
ในตอน
ที่
กล่
าวถึ
ง
“ธาตุ
ที่
๒ คื
อ ความเคลื่
อนไหว”
ที่
ประกอบกั
นเข้
า
เป็
นภาษาภาพของภาพยนตร์
จากนั้
นอาจารย์
คึ
กฤทธิ์
ก็
ยกตั
วอย่
าง
เรื่
องความเคลื่
อนไหวของบุ
คคล หรื
อ วั
ตถุ
ในฉากใดฉากหนึ่
งของ
ภาพยนตร์
ซึ่
งสามารถทำ
�ให้
คนดู
เกิ
ดความรู้
สึ
กและความเข้
าใจได้
มากมายเกิ
นกว่
าที่
คนบางคนจะคาดคิ
ดได้
ด้
วยเนื้
อความว่
า
“ฉากในภาพยนตร์
เรื่
องหนึ่
ง : ชายผู้
หนึ่
งถู
กกล่
าวหาว่
าฆ่
า
คนตาย กำ
�ลั
งนั่
งอยู่
บนเตี
ยงนอนในห้
องขั
งในคุ
ก ขณะที่
ทนายความ
ของเขาพยายามจะซั
กเอาความจริ
งจากเขาให้
มากที่
สุ
ด เพราะ
ทนายความผู้
นั้
นไม่
เชื่
อว่
าเขาจะเป็
นผู้
บริ
สุ
ทธิ์
จริ
ง ซึ่
งในขณะที่
ชาย
ผู้
ต้
องขั
งพยายามจะบอก
ความจริ
ง ทนายความ
ก็
จะคอยขั
ดคอด้
วยการ
ตั้
งคำ
�ถามที่
นอกเ รื่
อง
ต่
างๆ นานา ในฉากนี้
ทนายความจะ เดิ
นไป
เดิ
นมาอยู่
ในห้
องขั
ง และ
ในเวลาที่
ชายผู้
ต้
องขั
งจะ
พู
ดความจริ
งว่
า เขาเป็
น
ผู้
บริ
สุ
ทธิ์
ทนายความ
ก็
จะเดิ
นผ่
านไปผ่
านมา
ระหว่
างคนดู
และชาย
ผู้
ต้
อ ง ขั
ง ห รื
อ บั
ง
ผู้
ต้
องขั
งเสี
ย ไม่
ให้
คนดู
เห็
นได้
ภาพที่
ทนายความ
เดิ
นมาบั
งคนดู
ไม่
ให้
เห็
นชายผู้
ต้
องขั
งเช่
นนี้
ทำ
�ให้
คนดู
เกิ
ดความ
รู้
สึ
กขึ้
นในใจว่
า ตนถู
กกี
ดกั
น มิ
ให้
ทราบความจริ
งจากชายผู้
ต้
องขั
ง
นอกจากนั้
น ภาพยนตร์
ยั
งสามารถใช้
กล้
องถ่
ายภาพเคลื่
อนไหวไป
มาในระหว่
างฉากทั้
งหมดนี้
ได้
อี
กด้
วย ซึ่
งผู้
กำ
�กั
บการแสดงที่
รู้
จั
กการ
ใช้
กล้
องถ่
ายภาพอย่
างดี
จะเคลื่
อนกล้
องไปมาในระหว่
างที่
ถ่
ายภาพ
ได้
อย่
างแนบเนี
ยน ทำ
�ให้
คนดู
รู้
สึ
กว่
าตนเองเป็
นผู้
เคลื่
อนไหว
ไปเที่
ยวรู้
เห็
นในทุ
กแง่
มุ
มแห่
งชี
วิ
ตของตั
วละครที่
อยู่
ในภาพยนตร์
การกำ
�กั
บ, การถ่
าย, และการลำ
�ดั
บภาพที่
ดี
จะทำ
�ให้
คนดู
ไม่
รู้
สึ
กว่
า
กล้
องถ่
ายภาพนั้
นเคลื่
อนไหว แต่
จะนึ
กว่
าตนเอง คื
อ ผู้
ที่
เข้
าไปอยู่
ใกล้
ชิ
ดกั
บตั
วละครในเรื่
องอย่
างที่
สุ
ด การเคลื่
อนไหวกล้
องถ่
ายภาพ
อย่
างช้
าๆหรื
อรวดเร็
ว จะทำ
�ให้
คนดู
เกิ
ดความรู้
สึ
กแตกต่
างกั
นได้
เช่
น ความเยื
อกเย็
น ความรี
บร้
อน ความสงบ ความตื่
นเต้
น หรื
อ
แม้
กระทั่
งการลั
งเล ไม่
แน่
ใจ เมื่
ออยู่
ๆ กล้
องถ่
ายภาพ อาจจะหยุ
ด
การเคลื่
อนไหวขึ้
นมา”
นี่
คื
อ ตั
วอย่
างโดยสั
งเขปในคำ
�อธิ
บายเรื่
องความสำ
�คั
ญของ
ธาตุ
ที่
๒ คื
อ ความเคลื่
อนไหวที่
ประกอบกั
นเป็
นภาษาของภาพยนตร์
ต่
อจากนี้
เราก็
จะเรี
ยน-รู้
-เรื่
อง “หนั
ง” กั
นต่
อไปใน
ธาตุ
ที่
๓
คื
อ เรื่
องของเวลา
ซึ่
งอาจารย์
คึ
กฤทธิ์
เขี
ยนเอาไว้
ดั
งนี้
“ภาษาเขี
ยนหรื
อภาพถ่
ายตามธรรมดานั้
น จะแสดงออกต่
อ
ผู้
ดู
ได้
แค่
ระยะทางใกล้
ไกล หรื
อขนาดแห่
งวั
ตถุ
ที่
ปรากฏอยู่
ในภาพ
เท่
านั้
น ไม่
มี
ทางที่
จะแสดงออกให้
เห็
นถึ
งเวลาได้