Page 15 - aug53

Basic HTML Version

๑๓
เป็
นดอกไม้
หอม ๕ ชนิ
ด กามเทพจะขี่
นกแก้
วบิ
นไปทั่
วสาม
โลกเพื่
อยิ
งธนู
ดอกไม้
๕ ดอกไปเร้
าผั
สสะทั้
ง ๕ ให้
หนุ่
มสาว
เกิ
ดความรั
ก กามเทพมี
ชื่
อว่
าอนงค์
ด้
วย เพราะครั้
งหนึ่
แผลงศรให้
พระศิ
วะหลงรั
กนางปารวตี
จึ
งถู
กเพลิ
งจากตาที่
สามของพระศิ
วะเผาผลาญจนร่
างกายมอดไหม้
เมื่
อกามเทพไม่
มี
ตะขอเป็
นอาวุ
ธ จึ
งน่
าจะตี
ความคำ
�ว่
ขอกาม
เสี
ยใหม่
ว่
าหมายถึ
เรี
ยกร้
องหรื
อเย้
ายวนให้
เกิ
ความรั
กใคร่
เพราะนอกจากบทชมโฉมจะมี
จุ
ดมุ่
งหมายที่
จะ
พรรณนาความงามของบุ
คคลแล้
ว ในบางครั้
งกวี
ยั
งต้
องการ
ชี้
ให้
เห็
นว่
าความงามนั้
นเป็
นความงามที่
เร้
าอารมณ์
ให้
เกิ
ความรั
ก เย้
ายวนให้
เกิ
ดความปรารถนาทางเพศ อย่
างที่
ฝรั่
เรี
ยกว่
า sex appeal ดั
งในเรื่
อง
ลิ
ลิ
ตพระลอ
บทขั
บซอยอโฉม
พระลอสามารถเย้
ายวนใจจนทำ
�ให้
พระเพื่
อนพระแพงหลงรั
คลั่
งไคล้
พระลอทั้
ง ๆ ที่
ยั
งไม่
ได้
เห็
นตั
วจริ
นอกจากตั
วอย่
างข้
างต้
นนี้
แล้
ว ในบทกลอนบทหนึ่
ใน
นิ
ราศพระบาท
ของ สุ
นทรภู่
พรรณนาเปรี
ยบเที
ยบความ
ทุ
กข์
ของกวี
ที่
พลั
ดพรากจากนางกั
บความทุ
กข์
ของตั
วละคร
ในวรรณคดี
เรื่
องสำ
�คั
ญ ดั
งนี้
ครั้
งอิ
เหนาสุ
ริ
ย์
วงศ์
อั
นทรงกริ
พระทรงฤทธิ์
แรมร้
างจิ
นตะหรา
พระสุ
ธนร้
างห่
างมโนห์
รา
พระรามร้
างแรมสี
ดาพระทั
ยตรอม
องค์
พระเพชรปาณี
ท้
าวตรี
เนตร
เสี
ยพระเวทผู
กทวารกรุ
งพาลถนอม
สุ
จิ
ตราลาตายไม่
วายตรอม
ล้
วนเจิ
มจอมธรณี
ทั้
งสี่
องค์
กลอนบทแรกกล่
าวถึ
งตั
วละครคู่
พระคู่
นางซึ่
งทำ
�ให้
ผู้
อ่
านเข้
าใจได้
ทั
นที
ว่
าคื
อวรรณคดี
บทละครเรื่
อง
อิ
เหนา
พระสุ
ธน-มโนห์
รา
และ
รามเกี
ยรติ์
ส่
วนกลอนบทที่
สองกล่
าว
ถึ
งตั
วละครในวรรณคดี
บทละครเรื่
องอุ
ณรุ
ท นั่
นคื
อ องค์
พระ
เพชรปาณี
ซึ่
งเมื่
อแปลตามตั
ว เพชร แผลงมาจาก วั
ชระ คื
สายฟ้
า ปาณี
คื
อ ผู้
ถื
อ ดั
งนั้
น ผู้
ถื
อสายฟ้
า คื
อ พระอิ
นทร์
นั่
นเอง ส่
วนนางสุ
จิ
ตราเป็
นชายาสำ
�คั
ญองค์
หนึ่
งในสี่
องค์
ของพระอิ
นทร์
อี
ก ๓ องค์
คื
อ นางสุ
ชาดา นางสุ
นั
นทา และ
นางสุ
ธรรมา ตั
วละครอี
กตั
วหนึ่
งคื
อ กรุ
งพาล ซึ่
งหมายถึ
ท้
าวกรุ
งพาณ เป็
นยั
กษ์
มี
สิ
บเศี
ยรยี่
สิ
บมื
อ มี
ฤทธิ์
เดชมาก
และกำ
�เริ
บฤทธิ์
ขึ้
นเชยชมนางฟ้
าบนสวรรค์
ท้
าวกรุ
งพาณ
แปลงร่
างเป็
นตุ๊
ดตู่
เกาะอยู่
หน้
าทวารวิ
มานของพระอิ
นทร์
จดจำ
�มนตร์
ที่
พระอิ
นทร์
ร่
ายเวทปิ
ดเปิ
ดประตู
จากนั้
นจึ
งแปลง
ร่
างเป็
นพระอิ
นทร์
ร่
ายเวทเปิ
ดประตู
เข้
าไปเชยชมนางสุ
จิ
ตรา
ร้
อนถึ
งพระอิ
ศวรต้
องทู
ลเชิ
ญพระนารายณ์
ลงมาปราบ
พระนารายณ์
อวตารลงมาเกิ
ดในเมื
องณรงกา ทรงพระนาม
ว่
าพระบรมจั
กรกฤษณ์
มี
หลานคื
อพระอุ
ณรุ
ท ส่
วนนางสุ
จิ
ตรา
ซึ่
งแค้
นใจที่
ถู
กท้
าวกรุ
งพาณหลอก ได้
ขอมาเกิ
ดเป็
นมนุ
ษย์
เพื่
อล้
างแค้
น พระอิ
ศวรมี
เทวบั
ญชาให้
นางไปเกิ
ดในดอกบั
พระฤษี
เก็
บมาเลี้
ยงไว้
ต่
อมาท้
าวกรุ
งพาณขอนางไปเป็
นลู
บุ
ญธรรม เมื่
อพระอุ
ณรุ
ทเสด็
จประพาสป่
า ได้
ตามกวางทองซึ่
พระอิ
นทร์
ให้
มาตุ
ลี
แปลงมาล่
อจนหลงทาง เมื่
อพั
กค้
างแรม
อยู่
ใต้
ต้
นไทร พระไทรได้
อุ้
มพระอุ
ณรุ
ทไปสมกั
บนางอุ
ษา อั
เป็
นเหตุ
ให้
ต่
อมาพระอุ
ณรุ
ทต้
องทำ
�สงครามกั
บท้
าวกรุ
งพาณ
และสั
งหารท้
าวกรุ
งพาณได้
วรรคแรกที่
สุ
นทรภู่
ใช้
คำ
�ว่
“องค์
พระเพชรปาณี
ท้
าวตรี
เนตร”
อาจทำ
�ให้
ผู้
อ่
านเข้
าใจผิ
ดว่
าหมายถึ
งเทพ
องค์
เดี
ยวกั
น โดยคิ
ดว่
ท้
าวตรี
เนตร
เป็
นคำ
�ขยาย
องค์
พระเพชรปาณี
เพราะข้
อความในวรรคหลั
งเป็
พฤติ
กรรมที่
เกี่
ยวข้
องกั
บพระอิ
นทร์
ทั้
งนั้
น แต่
คำ
�ว่
ท้
าวตรี
เนตร
มิ
ใช่
สมญาของพระอิ
นทร์
เลย สมญาของ
พระอิ
นทร์
คื
ท้
าวพั
นตา
หรื
สหั
สนั
ยน์
ส่
วน
ท้
าวสามตา
เป็
นสมญาของพระอิ
ศวร ซึ่
งมี
ตาที่
พระนลาฏหรื
อหน้
าผากอี
ดวงหนึ่
ง หากลื
มตาดวงนี้
เมื่
อไร จะเกิ
ดไฟเผาผลาญสรรพสิ่
ให้
มอดไหม้
ไปหมด ข้
อความในกลอนวรรคนี้
จึ
งกล่
าวอ้
างถึ
(allusion) ตั
วละครสำ
�คั
ญที่
เป็
นเทพเจ้
า นั่
นคื
อ พระอิ
นทร์
และ พระอิ
ศวร
ดั
งนั้
น ผู้
อ่
านวรรณคดี
จึ
งจำ
�เป็
นต้
องรู้
ความหมายของ
คำ
�ให้
รอบด้
าน เพราะบางคำ
�เป็
นภาษาโบราณซึ่
งความหมาย
เปลี่
ยนไปแล้
วในปั
จจุ
บั
น บางคำ
�อาจจะผู
กโยงกั
บเรื่
องราว
ของเทพปกรณั
ม บางคำ
�อาจมี
ความหมายแฝงนั
ย ดั
งนั้
น หาก
ผู้
อ่
านพิ
ถี
พิ
ถั
นกั
บการพิ
จารณาถ้
อยคำ
�ในวรรณคดี
จะทำ
�ให้
ตี
ความวรรณคดี
ได้
ลึ
กซึ้
งและถู
กต้
อง ได้
รั
บทั้
งอรรถและรส
เต็
มบริ
บู
รณ์