วารสารวั
ฒนธรรมไทย
31
มี
จิ
ตอาสาที่
คิ
ดดี
ทำดี
มี
จิ
ตช่
วยเหลื
อสิ่
งที่
เป็
นสาธารณะ และมี
จิ
ต
พร้
อมเสี
ยสละเพื่
อสั
งคมประเทศ
จากข้
อมู
ลประวั
ติ
ศาสตร์
โบราณคดี
และวั
ฒนธรรมชุ
มชน
ในหลายพื้
นที่
นั้
นพบว่
า หลายแห่
งมี
ความสำคั
ญต่
อการต่
อยอด
เรี
ยนรู้
หากไม่
ผ่
านขนบประเพณี
ก็
ผ่
านผู้
รู้
ท้
องถิ่
นที่
ยั
งสื
บความรู้
เดิ
มไว้
แต่
ก็
มี
หลายแห่
งที่
ปล่
อยให้
รกร้
างจนหาประโยชน์
ไม่
ได้
ดั
งนั้
นการตามหาความรู้
เพื่
อต่
อยอดให้
เห็
นทั้
งคุ
ณค่
า
ในอดี
ตและนำคุ
ณค่
าที่
พบเห็
นไปสู่
การใช้
ประโยชน์
ในอนาคต
จึ
งนั
บว่
าเป็
นเรื่
องสำคั
ญมากในยามที่
ชุ
มชนหลายแห่
งกำลั
ง
ทำลายวั
ฒนธรรมของตนไปรั
บค่
านิ
ยมใหม่
หรื
อไม่
ก็
ถู
กละเลย
ไม่
ใส่
ใจคุ
ณค่
าที่
ครั้
งหนึ่
งได้
รั
บใช้
ผู้
คน ครั้
งนี้
ผมสนใจเส้
นทาง
โบราณที่
เคยใช้
เป็
นเส้
นทางเดิ
นเรื
อและนำผู้
คนต่
างแผ่
นดิ
น
ต่
างเชื้
อชาติ
ต่
างความเชื่
อ ให้
เข้
ามาสู่
แผ่
นดิ
นสุ
วรรณภู
มิ
แห่
งนี้
ร้
อยเอกบุ
ณยฤทธิ์
ฉายสุ
วรรณ หั
วหน้
ากลุ่
มโบราณคดี
สำนั
ก
ศิ
ลปากรที่
๑๕ ภู
เก็
ต รั
บอาสาเป็
นผู้
นำทางและวิ
ทยากรให้
ความรู้
อย่
างมากมาย อั
นเป็
นผลมาจากการสำรวจและขุ
ดค้
นแหล่
ง
โบราณคดี
หลายแห่
งทางใต้
ตั้
งแต่
จั
งหวั
ดกระบี่
ตรั
ง พั
งงา ระนอง
สุ
ราษฎร์
ธานี
ถึ
งนครศรี
ธรรมราช จนพบว่
า แหล่
งโบราณคดี
ทางความเชื่
อนี้
คื
อ ร่
องรอยของการเดิ
นทางของพ่
อค้
าโบราณ
ที่
พากั
นเดิ
นทางข้
ามทะเลข้
ามมหาสมุ
ทรเข้
ามาทางตอนใต้
จนมี
การตั้
งชุ
มชนขนาดใหญ่
ขึ้
นในพื้
นที่
ต่
าง ๆ แล้
วยั
งเคลื่
อนย้
าย
ถิ่
นฐานไปพำนั
กในแหล่
งอื่
น ๆ รวมตั
วกั
นสร้
างชุ
มชนและ
เทวสถานประดิ
ษฐานรู
ปเคารพของฮิ
นดู
คื
อ พระวิ
ษณุ
หรื
อ
พระนารายณ์
มี
การบู
ชาเทพศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
จนกลายเป็
นส่
วนหนึ่
ง
ของการสร้
างเมื
องสำคั
ญ ๆ และสื
บเชื้
อสายเป็
นบรรพบุ
รุ
ษ
ของคนในภู
มิ
ภาคนี้
คนกลุ่
มแรกที่
เดิ
นทางเข้
ามาในดิ
นแดนทางใต้
นี้
เป็
นใคร
แม้
จะไม่
ระบุ
ได้
ชั
ดว่
าเชื้
อชาติ
ใด ก็
พอประมาณว่
าเป็
นชาวตะวั
นตก
ที่
รู้
จั
กเดิ
นทางโดยเรื
อขนาดใหญ่
หากเป็
นเรื
อเล็
กก็
คงวนเวี
ยน
อยู่
ตามเกาะตามฝั่
งเท่
านั้
นแหละ จะหลุ
ดรอดข้
ามทะเล
ข้
ามมหาสมุ
ทรได้
ก็
ตายเปล่
า ส่
วนจะรวมไปถึ
งชนชาติ
อื่
นที่
ขอ
อาศั
ยมาด้
วย ก็
อยู่
ในฐานะที่
จะต้
องตั
ดสิ
นใจไปตายเอาข้
างหน้
า
เรี
ยกว่
า ไปไม่
ต้
องกลั
บบ้
าน คนกลุ่
มนี้
มั
กอยู่
ง่
ายกิ
นง่
ายไม่
มี
ภาระผู
กพั
น
ส่
วนมากเป็
นกลุ่
มนั
กบวชที่
เดิ
นทางไปพร้
อมกั
บความเชื่
อ
ความเลื่
อมใส พ่
อค้
าที่
เดิ
นทางก็
ต้
องมี
ความรู้
ทางเรื
อรู้
กระแสลม
กระแสน้
ำ โดยเฉพาะสติ
ปั
ญญาที่
จะต้
องเอาชี
วิ
ตรอดปลอดภั
ยได้
ไหนต้
องต่
อสู้
กั
บทะเล กั
บมหาสมุ
ทร สู้
กระแสลม สู้
คลื่
น และสู้
รบ
กั
บคนพื้
นเมื
อง ดั
งนั้
นการเดิ
นทางจึ
งเกิ
ดภู
มิ
ปั
ญญารั
กษาตั
วรอด
สร้
างอำนาจศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ขึ้
นเป็
นวั
ฒนธรรมท้
องถิ่
น
โดยเฉพาะความเชื่
อในศาสนาจึ
งเป็
นเรื่
องหนึ่
งที่
ถู
กนำ
ถ่
ายทอดลงในพื้
นที่
ที่
มนุ
ษย์
กลุ่
มนี้
เดิ
นทางผ่
าน นั่
นคื
อ การให้
ความรู้
ใหม่
ที่
ทำให้
รู้
สึ
กได้
ว่
า ชุ
มชนใหม่
หรื
อพื้
นที่
นั้
นได้
รั
บสิ่
งที่
ดี
กว่
าหรื
อมี
หลั
กการมากกว่
าเดิ
ม
ดั
งนั้
นจึ
งไม่
แปลกใจที่
พบว่
ามี
ภู
เขาหลายแห่
งถู
กใช้
เป็
น
ที่
ตั้
งของเทวสถานสำหรั
บประดิ
ษฐานรู
ปเคารพที่
ศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ด้
วย
พบว่
าบนเขาพระเหนอ เขาพระนารายณ์
เขาศรี
วิ
ชั
ยนั้
น
มี
โบราณสถานที่
มี
รู
ปพระวิ
ษณุ
ตั้
งอยู่
หากเดิ
นทางจากมหาสมุ
ทร
อิ
นเดี
ยมาตามชายฝั่
งทะเลตะวั
นตกแล้
ว ร้
อยเอกบุ
ญยฤทธิ์
ได้
เล่
าสรุ
ปเส้
นทางไว้
ว่
า
“การเดิ
นเรื
อนั้
นได้
พั
ฒนามาจากการเดิ
นเรื
อเลี
ยบ
ชายทะเลมาเป็
นการเดิ
นเรื
อระยะทางไกลตั
ดข้
ามมหาสมุ
ทรอิ
นเดี
ย
วิ
ธี
การเดิ
นเรื
อในสมั
ยนั้
นเมื่
อเรื
อออกจากอิ
นเดี
ยตอนใต้
หรื
อ
จากลั
งกา ซึ่
งอยู่
ที่
ละติ
ดจู
ดประมาณ ๕ องศา และตั้
งหั
วเรื
อทาง
ทิ
ศตะวั
นออก เมื่
อเรื
อแล่
นด้
วยแรงลมของมรสุ
มตะวั
นตก
เฉี
ยงใต้
แล้
ว เรื
อจะเบี่
ยงขึ้
นทางเหนื
อ แต่
นั
กเดิ
นเรื
อจะแก้
ทิ
ศทาง
โดยยึ
ดเอาทิ
ศตะวั
นออก โดยคาดว่
าเรื
อนั้
นจะมาทางแหลม
มะละกา (มลายู
) ประมาณแนวละติ
จู
ดที่
๗ องศา หรื
อกว่
านั้
น
เล็
กน้
อย แต่
ไม่
ถึ
งแนวละติ
จู
ดที่
๘ องศา
เครื่
องถ้
วยจี
น
ลู
กปั
ด