Page 32 - sep52

Basic HTML Version

วารสารวั
ฒนธรรมไทย
30
วั
ฒนธรรมวิ
พากษ์
ารเรี
ยนรู้
เพื่
อให้
เกิ
ดพั
ฒนานั้
นมี
ความจำเป็
นต้
อง
นำไปสู่
ความเข้
าใจถึ
งวั
ฒนธรรมของตนให้
ได้
เพราะความเข้
มแข็
งของชุ
มชนต่
อบริ
บทของความเชื่
อั
นเกิ
ดจากพื้
นฐานของการอยู่
รอดปลอดภั
และร่
วมใจกั
นสร้
างให้
มั่
นคงนั้
น เป็
นหลั
กของการทำให้
เกิ
วั
ฒนธรรมที่
ดี
งาม จนมี
การนำไปสู่
สั
งคมใหม่
อย่
างเหมาะสม
เมื่
อสั
งคมยอมรั
บและถื
อไว้
เป็
นสมบั
ติ
ของมนุ
ษยชาติ
ให้
ต่
างฝ่
าย
ต่
างรั
กษาไว้
เพื่
อถ่
ายทอดและนำไปใช้
ต่
อ ๆ กั
นนั้
น ถื
อเป็
การสร้
างภู
มิ
บ้
านหรื
อวั
ฒนธรรมของชุ
มชนให้
แข็
งแรงขึ้
การแพร่
กระจายวั
ฒนธรรมของตนจนให้
มี
บทบาทต่
สั
งคมประเทศนั้
น หากสามารถขยายผลได้
มากเท่
าไรก็
ยิ่
งสร้
าง
ความเป็
นปึ
กแผ่
นตามลั
กษณะของชาติ
พั
นธ์ุ
เดี
ยวกั
น หรื
อความเชื่
เดี
ยวกั
น ปรั
บความเป็
นอยู่
ปรั
บความคิ
ดอ่
าน และสร้
างความรั
กลุ่
มพวกให้
ชั
ดเจน อั
นถื
อเป็
นภู
มิ
เมื
องที่
สร้
างอาณาจั
กรให้
แผ่
กว้
าง
ไพศาล
ใ นอ ดี
ตนั้
นก า ร ส ร้
า ง
ความเข้
าใจและปรั
บความเชื่
อถื
อนั้
ใ ช้
ศ า ส น า ม า เ ป็
นห ลั
ก น ำ ไ ป
พร้
อมกั
บความรู้
ใหม่
ที่
ดี
กว่
า แม้
ว่
บางครั้
งจะมี
การรุ
กรานช่
วงชิ
อำนาจต่
อพื้
นที่
ก็
เป็
นลั
กษณะของ
การแทรกซึ
มด้
วยความเชื่
อที่
นำ
พระผู้
เป็
นเจ้
า หรื
ออำนาจศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
มาใช้
ควบคุ
มชุ
มชน จึ
งไม่
แปลก
ที่
พบว่
า ใ นแต่
ล ะ ชุ
มชนนั้
น ไ ด้
ยอมรั
บนั
บถื
อสิ่
งศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
และมี
ความเชื่
อตามผู้
นำของศาสนาไปพร้
อมกั
การรุ
กคื
บทางการเกษตรกรรม
และการช่
วยให้
ชี
วิ
ตดำรงอยู่
ได้
ตามอั
ตภาพ ดั
งเห็
นได้
จากการ
เปลี่
ยนถ่
ายจากการนั
บถื
อผี
สางนางไม้
มานั
บถื
อพระวิ
ษณุ
พระศิ
วะ และ
นั
บถื
อหลั
กธรรมของพระพุ
ทธศาสนา มี
การสร้
างสั
งคมและ
ชี
วิ
ตใหม่
ตามพื้
นที่
และสิ่
งแวดล้
อมที่
แตกต่
างกั
น รู้
จั
กล่
าสั
ตว์
รู้
จั
เพาะปลู
ก รู้
จั
กหาพื
ชมารั
กษาตน รู้
จั
กวิ
ธี
เดิ
นทางไปยั
งแผ่
นดิ
นใหม่
รู้
จั
กค้
นหาทรั
พยากรมาใช้
ประโยชน์
ตลอดจนรู้
จั
กเอาตั
วรอด
ในยามมี
ภั
ยจากสั
ตว์
ร้
ายและภั
ยธรรมชาติ
ที่
ไม่
รู้
จั
ด้
วยเหตุ
นี้
ความเชื่
ออย่
างงมงายจึ
งมี
มากกว่
าความเชื่
ที่
มี
เหตุ
ปั
จจั
ยอธิ
บาย ครั้
นเมื่
อมี
วั
ฒนธรรมใหม่
เข้
ามาชั
กจู
งใจ
จนหลงใหลได้
ปลื้
ม วั
ฒนธรรมเก่
าของตนที่
รู้
ไม่
เท่
าทั
นก็
อาจถู
กทิ้
และสู
ญสิ้
นไปได้
ง่
าย และมี
จำนวนมากขึ้
นจนเกิ
ดค่
านิ
ยมใหม่
ที่
ตรงข้
ามกั
บวั
ฒนธรรมเดิ
มของตน ดั
งนั้
นการสร้
างความเข้
มแข็
ทางวั
ฒนธรรมของตนจึ
งต้
องมี
กระบวนการเรี
ยนรู้
ทุ
กมิ
ติ
ด้
วยความเข้
าใจถึ
งเหตุ
ผลที่
แท้
จริ
ง และรู้
จั
กปรั
บใช้
อย่
างเหมาะสม
เพื่
อรั
กษาคุ
ณค่
าทางวั
ฒนธรรมให้
แข็
งแรงต่
อไป วิ
ธี
การนี้
ได้
มี
การ
พู
ดด้
วยถ้
อยคำสั้
นว่
า มนุ
ษย์
ต้
องมองรู้
ดู
ออกในสิ่
งที่
เกิ
ดขึ้
และเป็
นอยู่
จนสามารถนำคุ
ณค่
าไปใช้
ได้
อย่
างต่
อเนื่
อง เพื่
อให้
วั
ฒนธรรมของมนุ
ษย์
ต่
อการอยู่
ร่
วมกั
นมั่
นคงต่
อไป รู้
จั
กป้
องกั
ตนเองและหาทางออกได้
ทุ
กครั้
งคงไม่
เกิ
ดการแยกสี
แยกพวก
อย่
างทุ
กวั
นนี้
เพราะสั
งคมทุ
กวั
นนี้
ไม่
สามารถเฝ้
าระวั
งได้
ครบทุ
กด้
าน
แต่
สามารถเรี
ยนรู้
ได้
อย่
างมี
เชาว์
ปั
ญญาให้
คิ
ดออกคิ
ดร่
วมกั
นได้
เป็
นวั
ฒนธรรมของความเข้
าใจดี
ต่
อส่
วนรวม โดยมี
ปั
จจั
ยจากการ
ตามหาภู
มิ
บ้
านภู
มิ
เมื
อง
พลาดิ
ศั
ย สิ
ทธิ
ธั
ญกิ
จ…เรื่
องและภาพ
บนเส้
นทางคาบสมุ
ทรโบราณ
พระวิ
ษณุ
เขาศรี
วิ
ชั
ท่
าเรื
อทุ่
งตึ