วารสารวั
ฒนธรรมไทย
32
แต่
เจ้
าภาพมิ
ได้
จั
ดให้
พวกเราได้
ไป เพราะไม่
มี
เวลา (เอ! หรื
อไม่
อยาก
ให้
เยาวชนหมกมุ่
นเรื่
องรั
ก ๆ ใคร่
ๆ ก่
อนเวลาอั
นสมควร ก็
ไม่
รู้
ซิ
นะ)
หลั
งจากไปเยี่
ยมคารวะท่
านรองนายกเทศมนตรี
แล้
ว เขาก็
พาไปดู
โรงงาน
ผลิ
ตชาญี่
ปุ่
น ซึ่
งร้
านนี้
คุ
ณติ๊
กกั
ญญารั
ตน์
ดาราไทยก็
เคยมาและแนะนำ
ในรายการของเธอ เจ้
าของร้
านเลยเปิ
ดวี
ซี
ดี
ให้
ดู
เลย โดยไม่
ต้
องให้
ล่
าม
แปลกลั
บไปกลั
บมาให้
เสี
ยเวลา จากที่
นี่
เขาก็
พาดู
สถานที่
ที่
เราจะต้
อง
ไปแสดง ที่
เรี
ยกว่
า “English Garden” ซึ่
งเป็
นสวนสาธารณะ แต่
มี
ลั
กษณะ
เป็
นโถงยาวกรุ
กระจกที่
สามารถมองออกไปเห็
นสวนดอกไม้
ภายนอกได้
และยั
งมี
เวที
ภายใน ที่
สามารถจั
ดให้
เป็
นที่
แสดงกิ
จกรรมต่
าง ๆ และที่
ส่
วนนี้
เองที่
เขาจั
ดให้
คณะเยาวชนของเราใช้
แสดงนาฏศิ
ลป์
ดนตรี
ไทย
ให้
คนของเขาได้
ชม ซึ่
งเขาได้
มี
การประชาสั
มพั
นธ์
ไปแล้
วทั้
งแผ่
นพั
บ
โปสเตอร์
และทางที
วี
จากข้
อมู
ลที่
เราได้
ส่
งมาล่
วงหน้
า จากที่
นี่
คณะของเราก็
ได้
กลั
บไปเช็
คอิ
นเข้
าที่
พั
ก
ส่
วนหั
วหน้
าคณะ
และผู้
ประสานงานทั้
งไทยและญี่
ปุ่
น ต้
องอยู่
ประชุ
มกั
นต่
อเพื่
อพู
ดคุ
ย
ในการเตรี
ยมความพร้
อมล่
วงหน้
า
ในวั
นรุ่
งขึ้
น คื
อ วั
นที่
๑๘ มกราคม ทางเจ้
าภาพได้
พาพวกเรา
ไปชมการแสดงดนตรี
และนาฏศิ
ลป์
แบบดั้
งเดิ
มของญี่
ปุ่
น ที่
ยาชู
กิ
บู
ชิ
ซึ่
งระหว่
างชมการแสดง ก็
มี
การเชิ
ญให้
เยาวชนของเราแต่
งตั
ว
และออกไปร่
ายรำตามแบบผู้
แสดงด้
วย จากนั้
นก็
ไปชมพิ
พิ
ธภั
ณฑ์
เอดาชิ
ที่
นอกจากจะมี
รู
ปต่
าง ๆ แสดงให้
ชมแล้
ว ด้
านนอกตั
วอาคารยั
งมี
สวนญี่
ปุ่
นที่
เขาบอกว่
าที่
นี่
จั
ดได้
สวยงามจนชนะเลิ
ศการจั
ดสวนถึ
ง ๖ ปี
ซ้
อน
ซึ่
งเราดู
แล้
วก็
สวยจริ
ง ๆ พอช่
วงบ่
ายเพื่
อให้
เยาวชนไทยผู้
ไม่
เคยเห็
น
หิ
มะมาก่
อน ได้
สั
มผั
สหิ
มะอย่
างเต็
มที่
เขาก็
เลยพาคณะของเราไปยั
ง
“ภู
เขาไดเซ็
น”
และปล่
อยให้
เล่
นหิ
มะกั
นอย่
างสมใจ โดยส่
วนที่
เขาพาไปนี้
ไม่
ใช่
ส่
วนที่
เขาเล่
นสกี
แต่
เป็
นทางไปวั
ดบนเขา คนจึ
งไม่
พลุ
กพล่
าน ทุ
กคนก็
เลยลุ
ยหิ
มะกั
นอย่
างสนุ
กสนาน หน้
าตาของหิ
มะนั้
น
หลายคนคงจะเคยเห็
นในที
วี
ว่
าเป็
นสี
ขาวโพลน แต่
เมื่
อมาเห็
นและ
จั
บของจริ
ง จะเห็
นว่
ามั
นคล้
ายน้
ำแข็
งใสบ้
านเรา แต่
เนื้
อละเอี
ยดยิ
บกว่
า
และหากจั
บด้
วยมื
อเปล่
านาน ๆ อาจปวดแสบปวดร้
อน ที่
เรี
ยกว่
า
“หิ
มะกั
ด”
ได้
เพราะมั
นจะเย็
นจั
ด เราจึ
งไม่
ควรสั
มผั
สด้
วยมื
อเปล่
า
สำหรั
บการแสดงที่
จั
งหวั
ดชิ
มาเนะนี้
เราแสดงในวั
นที่
๑๗
มกราคมช่
วงบ่
าย โดยช่
วงเช้
าเขาจั
ดให้
เราไปทั
ศนศึ
กษาด้
วยการ
นั่
งเรื
อผ่
านตามคลองที่
อยู่
รอบเมื
อง ที่
แปลกก็
คื
อ เรื
อต้
องขั
บลอด
สะพานที่
แคบและเตี้
ยมากอยู่
สองสามแห่
ง โดยคนขั
บเรื
อจะหุ
บหลั
งคา
เรื
อที่
ทำด้
วยผ้
าร่
มมาคลุ
มคนนั่
ง เหมื
อนเป็
นฝาปิ
ดกล่
องขนมอย่
างไร
อย่
างนั้
นเลย หลั
งจากนั่
งเรื
อแล้
ว เราก็
ไปที่
Engl ish Garden
เพื่
อเตรี
ยมตั
วแสดงกั
นเลย โดยเขาให้
เวลาแสดงทั้
งหมด ๔๐ นาที
ทางสมาคมศิ
ลปะเพื่
อเยาวชน สวช. จึ
งได้
นำเสนอเป็
นการบรรเลง
ดนตรี
ไทย ต่
อด้
วยการแสดงระบำ ๔ ภาค และจบด้
วยโขนรามเกี
ยรติ์
ตอน หนุ
มานจั
บนางสุ
พรรณมั
จฉา ซึ่
งก่
อนที่
จะมี
การแสดงของไทยนั้
น
ทางจั
งหวั
ดก็
ได้
จั
ดการแสดง
“โกโตะ”
อั
นเป็
นดนตรี
พื้
นบ้
านญี่
ปุ่
น
และการแสดง
“คาคู
ระ”
ซึ่
งเป็
นการร่
ายรำสวมหน้
ากากเพื่
อถวาย
แก่
เทพเจ้
าในศาสนาชิ
นโต มาร่
วมแสดงให้
ประชาชนของเขาได้
ชมก่
อนด้
วย
ตอนที่
เยาวชนไทยแสดงนั้
น ปรากฏว่
าได้
รั
บความสนใจจากประชาชน
ที่
นั้
นเป็
นจำนวนมาก ซึ่
งวั
นต่
อมาหนั
งสื
อพิ
มพ์
ท้
องถิ่
นได้
ลงข่
าวว่
า
เป็
นการแสดงที่
สวยงาม อ่
อนช้
อย และว่
าวั
นนั้
นมี
คนมาดู
ถึ
ง ๔๐๐ กว่
าคน
ซึ่
งที่
นี่
เคยมี
คนดู
สู
งสุ
ดเพี
ยง ๓๐๐ กว่
าคนเท่
านั้
น นอกจากนี้
เขายั
งได้
สั
มภาษณ์
ชาวโอซาก้
าที่
ได้
ข่
าวและลงทุ
นนั่
งรถไฟมาดู
การแสดงของไทยถึ
งที่
นี่
ด้
วย พอฟั
งล่
ามแปลจบ พวกเราก็
ยิ้
มแก้
มปริ
ด้
วยความภาคภู
มิ
ใจ หลั
งจากจบการแสดงวั
นนั้
นแล้
ว ทางเจ้
าภาพ
ก็
ได้
จั
ดเลี้
ยงคณะนั
กแสดงทั้
งไทยและญี่
ปุ่
น และยั
งได้
เชิ
ญเยาวชน
ระดั
บมั
ธยมศึ
กษาจากโ ร ง เ รี
ยนในจั
งหวั
ดชิ
มา เนะมาพู
ดคุ
ย
แลกเปลี่
ยนความคิ
ดเห็
น และแสดงการเต้
นให้
เยาวชนของไทยเราได้
ดู
อี
กด้
วย
แต่
ควรใส่
ถุ
งมื
อที่
หนาพอควร และเมื่
อย่
ำไปในหิ
มะ ถ้
ามั
นยั
งไม่
อั
ดตั
ว
กั
นแน่
นและแข็
งพอ ขาเราก็
จะจมลึ
กลงไป และบางแห่
งถ้
าเหยี
ยบลงไป
เราก็
จะลื่
นไถล เหมื
อนเดิ
นอยู่
ก้
อนน้
ำแข็
ง (คล้
าย ๆ ในลานสเก็
ต)
ดั
งนั้
น เวลาเดิ
นในหิ
มะจึ
งต้
องระมั
ดระวั
งให้
ดี
ไม่
งั้
นอาจเกิ
ดอุ
บั
ติ
เหตุ
โดยไม่
คาดฝั
น ส่
วนรองเท้
าที่
ใส่
สามารถใช้
รองเท้
าผ้
าใบ รองเท้
าหุ้
มส้
น
หรื
อรองเท้
าบู
ทก็
ได้
ที่
สำคั
ญ ดอกยางบนพื้
นรองเท้
าต้
องไม่
สึ
ก ไม่
งั้
น
จะลื่
นเวลาเดิ
น
เช้
าวั
นที่
๑๙ มกราคม อั
นเป็
นวั
นสุ
ดท้
ายในเมื
องมั
ตซิ
เอะ
จั
งหวั
ดชิ
มาเนะ เจ้
าภาพได้
พาเราไปหั
ดทำขนมญี่
ปุ่
น ๒ ชนิ
ด ชนิ
ดแรก
มี
ชื่
อว่
า
“ริ
วคิ
วมั
นยู
”
ซึ่
งเป็
นชื่
อของผู้
ที่
คิ
ดวิ
ธี
ชงชาคนหนึ่
งของญี่
ปุ่
น
หน้
าตาขนมนี้
ก็
คล้
ายซาละเปาบ้
านเรา ตอนปั้
นแป้
งจะเป็
นสี
ขาว
แต่
พอเข้
าเตานึ่
งแล้
วจะออกมาสี
น้
ำตาล ส่
วนอี
กชนิ
ดเป็
นขนมแป้
งสี
ชมพู
มี
ชื่
อว่
า
“โซยู
บาย”
โซยู
แปลว่
า อายุ
ยื
น ส่
วนบาย แปลว่
า ดอกบ๊
วย
เพราะรู
ปร่
างหน้
าตามั
นเหมื
อนดอกบ๊
วย อั
นที่
จริ
ง จะเรี
ยกว่
าไปหั
ดทำ
ขนมก็
ไม่
ถู
กนั
ก ต้
องเรี
ยกว่
าไปปั้
นแป้
งตามแบบอาจารย์
มากกว่
า
เพราะแป้
งที่
ให้
เราทำนั้
น เขาผสมไว้
เรี
ยบร้
อยแล้
ว การที่
เขาพาเราไป
หั
ดทำนี้
คงเป็
นเพราะเมื
องมั
ตซิ
เอะได้
ชื่
อว่
าเป็
นแหล่
งผลิ
ตขนมญี่
ปุ่
น
ที่
สำคั
ญหนึ่
งในสามของกลุ่
ม
“เมื
องขนมญี่
ปุ่
นทั้
ง ๓”
คื
อเกี
ยวโต
คะนะซะวะ และมั
ตซิ
เอะ โดยมี
เรื่
องเล่
าสื
บกั
นมาว่
า การผลิ
ตขนมสำหรั
บ
พิ
ธี
ชงชานั้
นได้
เจริ
ญรุ่
งเรื
องขึ้
นที่
เมื
องมั
ตซิ
เอะนี้
เพราะมะสึ
ไดระ ฟุ
ไม
เจ้
าผู้
ครองปราสาทมั
ตซิ
เอะสมั
ยเอโดะเป็
นผู้
ส่
งเสริ
มศิ
ลปะการชงชา
ที่
น่
าสั
งเกตคื
อ ขนมส่
วนใหญ่
ของญี่
ปุ่
น มั
กจะมี
ไส้
เป็
นถั่
วแดง ขนมที่
เรา
ไปปั้
นก็
เช่
นกั
น หลั
งจากปั้
นขนม และไปกิ
นข้
าวกลางวั
นเรี
ยบร้
อยแล้
ว