วารสารวั
ฒนธรรมไทย
สั
จจะออมทรั
พย์
กลุ่
มแม่
บ้
าน กลุ่
มวั
ฒนธรรม กลุ่
มส่
งเสริ
มสุ
ขภาพ
กลุ่
มเลี้
ยงหอยนางรม กลุ่
มยางพารา กลุ่
มราษฎรอาวุ
โส กลุ่
มแพทย์
แผนไทย เป็
นต้
น แต่
ละกลุ่
มได้
บอกวิ
ธี
การทำงานของกลุ่
มของตน
และได้
นำหลั
กธรรมในข้
อใดบ้
างมายึ
ดเหนี่
ยวจิ
ตใจในการปฏิ
บั
ติ
งาน
ถึ
งทำให้
กลุ่
มเข้
มแข็
งได้
จากการที่
ผู้
เขี
ยนได้
ฟั
งชาวบ้
านแลกเปลี่
ยน
เรี
ยนรู้
กั
นในวั
นนี้
เห็
นว่
าชุ
มชนแห่
งนี้
ได้
มี
การส่
งเสริ
มและสนั
บสนุ
นให้
ชาวบ้
านสามารถดำรงชี
วิ
ตอย่
างพอเพี
ยงด้
วยความมี
อิ
สระของแต่
ละ
ท้
องถิ่
นให้
อยู่
อย่
างสั
นติ
และยั่
งยื
นด้
วยตนเอง พึ่
งพาตนเองได้
มี
ความรั
กและผู
กพั
นอย่
างแน่
นแฟ้
น ในวั
ฒนธรรมท้
องถิ่
นของตน
ร่
วมมื
อกั
นสร้
างประโยชน์
แก่
ชุ
มชนท้
องถิ่
นอย่
างมี
ความสุ
ขด้
วย
“วั
ฒนธรรมไทยสายใยชุ
มชน”
พระครู
วิ
มลโสมนั
นท์
เป็
นประธานโครงการวั
ฒนธรรมไทย
สายใยชุ
มชน ตำบลท่
าโสม ท่
านได้
บอกกั
บผู้
เขี
ยนว่
า
“ตั้
งแต่
โยมมาพบ
อาตมาวั
นนั้
น (๑๗ เม.ย. ๕๒) อาตมาได้
ประชุ
มชาวบ้
าน ๒-๓ ครั้
ง
เพื่
อทำความเข้
าใจในงานและเตรี
ยมงานให้
ออกมาดี
ที่
สุ
ด และถ้
า
ขาดตกบกพร่
องอะไรก็
ขออภั
ยด้
วย”
ผู้
เขี
ยนฟั
งแล้
วตื้
นตั
นใจน้
ำตา
จะไหลจริ
ง ๆ จึ
งบอกพระอาจารย์
ว่
า
“งานออกมาดี
แล้
วค่
ะ หนู
มารบกวน
ท่
านมากกว่
า และถ้
ามี
อะไรจะให้
หนู
แก้
ไขในงาน พระอาจารย์
บอกหนู
นะคะ”
พระอาจารย์
บอกว่
า
“ทำดี
แล้
วล่
ะ เวที
ประชาคมแบบนี้
ดี
นะ
อาตมาจะได้
นำรู
ปแบบนี้
ไปใช้
ต่
อ ๆ ไป จะเห็
นว่
าชาวบ้
านทุ
กคนกล้
า
ที่
จะพู
ดคุ
ยกั
บคุ
ณอภิ
ชาติ
กั
นทุ
กคน เพราะเมื่
อก่
อนเวลาประชุ
มที
ไร
จะมี
แต่
ผู้
นำพู
ดคนเดี
ยว ชาวบ้
านจะเอาแต่
นั่
งฟั
งอย่
างเดี
ยว ผู้
นำ
ว่
าอย่
างไรก็
ว่
าตามกั
น แต่
เวที
แบบนี้
ดี
นะ กล้
าพู
ดกล้
าแสดงออกและ
เป็
นกั
นเองดี
”
ถึ
งแม้
จะเหนื่
อยกั
บงานแค่
ไหน แต่
เมื่
อได้
ฟั
งพระอาจารย์
พู
ด
ทุ
กครั้
งที่
มาพบ ทำให้
ผู้
เขี
ยนก็
มี
กำลั
งใจในการทำงานต่
อไป ถึ
งแม้
การจั
ดงานเวที
ประชาคมนี้
จะจบไปแล้
ว แต่
ผู้
เขี
ยนก็
ตั้
งใจไว้
ว่
าถ้
าได้
มา
จั
งหวั
ดตราดในครั้
งต่
อไป ก็
จะมาที่
นี่
อี
กแน่
นอน แล้
วผู้
อ่
านล่
ะคะ ถ้
ามี
โอกาสได้
ไปจั
งหวั
ดตราด อย่
าลื
มไปที่
ศู
นย์
วั
ฒนธรรมไทยสายใยชุ
มชน
ตำบลท่
าโสม (วั
ดท่
าโสม) อำเภอเขาสมิ
ง จั
งหวั
ดตราด นะคะ
เพราะเป็
นสถานที่
ที่
สามารถพั
ฒนาคนในชุ
มชนให้
มี
ความเข้
มแข็
ง
โดยใช้
มิ
ติ
ด้
านศาสนา ศิ
ลปะ และวั
ฒนธรรม เป็
นแกนหลั
กในการ
ขั
บเคลื่
อน โดยมี
จุ
ดร่
วมกั
นคื
อคำว่
า
“รั
กบ้
านเกิ
ดและถิ่
นฐาน
ของตนเอง”
ั
ฒ