วารสารวั
ฒนธรรมไทย
27
ั
ฒ
§”
Ú
§”
ว.วชิ
รเมธี
นโลกนี้
มี
คำอยู่
มากมาย มี
คนอยู่
ที่
ไหน ก็
มี
คำ
อยู่
ที่
นั่
น เพราะคนเป็
นผู้
สร้
างคำ และคำก็
เป็
น
ผู้
สร้
างคน ตลอดเวลาที่
มนุ
ษย์
คิ
ดคำขึ้
นมาใช้
มี
ผู้
พยายามรวบรวมคำเหล่
านั้
นให้
เป็
นหมวดหมู่
ให้
ครอบคลุ
ม และกว้
างขวางให้
มากที่
สุ
ด แต่
ก็
ไม่
เคยมี
ใคร
สามารถเก็
บคำมากมายเหลื
อคณานั
บนั้
นได้
ครบทุ
กถ้
อย
กระทงความ “พจนานุ
กรม” อั
นเป็
นคลั
งคำทุ
กฉบั
บในโลก
จึ
งทำได้
อย่
างดี
แค่
เพี
ยงเป็
น “เก็
บคำ” เพี
ยงบางส่
วนไว้
ในบางเวลาเท่
านั้
น เพราะเมื่
อคื
นวั
นผ่
านไป คำใหม่
ๆ ก็
เกิ
ด
ขึ้
นมาได้
ทุ
กวั
น
ท่
ามกลางคำนั
บอนั
นต์
มี
คำอยู่
สองคำ ที่
มี
อิ
ทธิ
พล
ต่
อมนุ
ษย์
อย่
างสู
งยิ่
ง
หนึ่
งคื
อ คำติ
(บริ
ภาษ)
อี
กหนึ่
งคื
อ คำชม (สดุ
ดี
)
คำติ
เปรี
ยบเหมื
อนน้
ำโคลน คำชมเปรี
ยบเหมื
อน
น้
ำหอม ไม่
มี
ใครต้
องการน้
ำโคลน มี
แต่
คนต้
องการน้
ำหอม
แต่
ในโลกของความเป็
นจริ
ง มนุ
ษย์
ไม่
สามารถ
รั
บเฉพาะคำชมแล้
วปฏิ
เสธคำติ
เพราะคำติ
และคำชมไม่
ได้
ขึ้
นอยู่
กั
บเราเพี
ยงคนเดี
ยว แต่
ยั
งสั
มพั
นธ์
กั
บคนอื่
นด้
วย
หากเราทำตั
วดี
อั
นมี
เหตุ
ให้
ควรชม ก็
ย่
อมได้
รั
บคำชม
หากเราทำตั
วเลว อั
นมี
เหตุ
ให้
ได้
รั
บคำติ
ก็
ย่
อมมี
คนติ
แต่
ในบางที
คำติ
คำชม ไม่
ได้
เกิ
ดขึ้
นตามวิ
ถี
ปกติ
เช่
นที่
กล่
าว
มานี้
เพราะมี
อยู่
เสมอที่
คนทำดี
กลั
บถู
กติ
คนทำชั่
วกลั
บ
ถู
กชม
คำติ
และคำชมจึ
งเป็
นสิ่
งสั
มพั
ทธ์
หนึ่
งสั
มพั
ทธ์
กั
บ
ความดี
กั
บ
ความชั่
ว
หนึ่
งคื
อสั
มพั
ทธ์
กั
บ
ตั
วเรา
และ
คนอื่
น
หนึ่
งคื
อสั
มพั
ทธ์
กั
บ
ผลได้
และ
ผลเสี
ย
คำติ
คำชม มี
ผลต่
อความสุ
ข ความทุ
กข์
ความสำเร็
จ
ความล้
มเหลวในชี
วิ
ตของคนเราแต่
ละคนค่
อนข้
างสู
ง
คนบางคนสร้
างตั
วจากคำติ
คนบางคนสร้
างตั
วจากคำชม
คนบางคนเสี
ยคนจากคำชม
คนบางคนเป็
นผู้
เป็
นคนจากคำติ
ในคำติ
บางที
ก็
มี
แง่
ที่
ควรชม ในคำชม บางที
ก็
มี
แง่
ที่
ควรติ
คำติ
คำชม จึ
งไม่
ใช่
คำที่
มี
ความสมบู
รณ์
ในตั
วเอง
แต่
ละครั้
ง แต่
ละคนที่
ถู
กติ
ชม จึ
งต้
องพิ
จารณาอย่
างลึ
กซึ้
ง
มี
แต่
การพิ
จารณาอย่
างลึ
กซึ้
งเท่
านั้
น เราจึ
งจะได้
ประโยชน์
จากทั้
งคำติ
และคำชม ขาดการพิ
จารณาเสี
ยอย่
างเดี
ยว คำชม
อาจทำให้
ประมาท หลงตั
วเอง คำติ
อาจทำให้
ท้
อแท้
สิ้
นหวั
ง
แต่
หากพิ
จารณาคำติ
ชมอย่
างมี
สติ
ในคำติ
ก็
มี
แง่
ควรชม
ในคำชมก็
มี
แง่
ควรติ
คำชมที่
ไม่
เกิ
ดจากความจริ
งใจ มี
ค่
าควรติ
คำติ
ที่
เกิ
ดจากความจริ
งใจ มี
ค่
าควรชม
ทั้
งคำติ
และคำชม มี
คุ
ณอนั
นต์
พอ ๆ กั
บมี
โทษ
มหั
นต์
เราจึ
งควรปฏิ
บั
ติ
ต่
อคำทั้
งสองนี้
อย่
างมี
ปั
ญญา
ประการหนึ่
ง ต้
องรู้
ให้
เท่
าทั
น
ประการหนึ่
ง ต้
องปฏิ
สั
มพั
นธ์
ให้
ถู
ก
ต้
องรู้
ให้
เท่
าทั
น คื
อ รู้
ว่
าคำติ
ชมเป็
นเรื่
องธรรมดา
อย่
างหนึ่
งของมนุ
ษย์
ทุ
กคนที่
เกิ
ดมาในโลกนี้
ไม่
มี
ใครถู
กชม
หรื
อถู
กติ
โดยส่
วนเดี
ยว แต่
ทุ
กคนมี
โอกาสทั้
งถู
กชมและถู
กติ
และไม่
มี
ใครหนี
สิ่
งนี้
พ้
น เมื่
อตระหนั
กรู้
ว่
าทั้
งคำติ
และคำชม
เป็
น “โลกธรรม” คื
อ สิ่
งสามั
ญอั
นมี
อยู่
ประจำโลก ก็
จึ
งไม่
ควร
หวั่
นไหวในเมื่
อถู
กชมหรื
อถู
กติ
ถู
กชม จึ
งไม่
ควรฟู
จนขาดสติ
ถู
กติ
จึ
งไม่
ควรแฟบ จนไปต่
อไม่
ได้
ต้
องปฏิ
สั
มพั
นธ์
ให้
ถู
ก คื
อ ต่
อคำติ
ต้
องนำมา
พิ
จารณา เพื่
อหาแง่
มุ
มที่
จะเปลี่
ยนแปลงแก้
ไขให้
เกิ
ดการ
“กำจั
ดจุ
ดอ่
อน-เสริ
มสร้
างจุ
ดแข็
ง” มองคำติ
ดั
งหนึ่
ง “กระจก
วิ
เศษ” ที่
สะท้
อนให้
เห็
นความอั
ปลั
กษณ์
ในชี
วิ
ตของตนเอง
หรื
อดั
งหนึ่
งเป็
น “การชี้
บอกขุ
มทรั
พย์
” ในตั
วเองที่
เรายั
ง
ค้
นหาไม่
พบ หากพิ
จารณาด้
วยปั
ญญาอย่
างนี้
ทั้
งคำติ
คำชม
ก็
นั
บว่
ามี
คุ
ณค่
าในการเจี
ยรไนชี
วิ
ตของเราให้
ผุ
ดผ่
อง แวววาว
พราวพราย มี
ความเป็
นมนุ
ษย์
โดยสมบู
รณ์
สามารถครองตน
อยู่
ในโลกท่
ามกลางดอกไม้
(คำชม) และก้
อนอิ
ฐ (คำติ
)
อย่
างมี
ความสุ
ข
ว‘
∂’
ไทย
ี้
ี
ู่
ี
ู่
ี่
็
ี
ู่
ี่
ั่
็
ู้
้
็
็
ู้
้
ี่
ุ
์
ิ
ึ้
้
ี
ู้
่
ั้
้
็
ู่
้
„