วารสารวั
ฒนธรรมไทย
21
ทั้
งส่
วนสู
งและความยาวของส่
วนประกอบดั
งกล่
าวนี้
หมายถึ
ง
วั
นที่
๒๔ มิ
ถุ
นายน ซึ่
งเป็
นวั
นที่
คณะราษฎรได้
ทำการ
เปลี่
ยนแปลงการปกครอง
จำนวนปื
นใหญ่
ที่
ฝั
งไว้
โดยรอบอนุ
สาวรี
ย์
โดยเอา
ปากกระบอกปื
นลงดิ
น และมี
โซ่
ร้
อยเป็
นระยะเว้
นเฉพาะช่
องทางขึ้
น
๔ ด้
านนั้
น มี
จำนวนทั้
งหมด ๗๕ กระบอก หมายถึ
ง ปี
พ.ศ. ๒๔๗๕
เป็
นปี
ของการเปลี่
ยนแปลงการปกครอง ส่
วนโซ่
ที่
ร้
อยไว้
ด้
วยกั
น
หมายถึ
ง ความสามั
คคี
พร้
อมเพรี
ยงของคณะราษฎร
ภาพปู
นปั้
นที่
ติ
ดแสดงประกอบส่
วนล่
างของปี
กทั้
งสี่
นั้
นแสดงถึ
งหลั
ก ๖ ประการ ของคณะราษฎรที่
เปลี่
ยนแปลง
การปกครองเมื่
อวั
นที่
๒๔ มิ
ถุ
นายน พ.ศ. ๒๔๗๕ แต่
ภาพที่
นำมา
ประกอบนั้
นมี
เพี
ยง ๔ ภาพ โดยติ
ดภาพปี
กละสองภาพ และ
ใช้
ภาพซ้
ำกั
น จึ
งขาดภาพอี
ก ๒ ภาพ ไม่
ครบตามหลั
ก ๖ ประการ
พานรั
ฐธรรมนู
ญตั้
งอยู่
บนป้
อมกลางของอนุ
สาวรี
ย์
นั้
น
ตั
วพานทำด้
วยทองสำริ
ดมี
ส่
วนสู
ง ๓ เมตร (หนั
ก ๔ ตั
น) หมายถึ
ง
เดื
อนที่
๓ คื
อ เดื
อนมิ
ถุ
นายน (ขณะนั้
นนั
บปี
โดยเริ่
มเดื
อน
เมษายนเป็
นเดื
อนแรก) ซึ่
งเป็
นเดื
อนของการเปลี่
ยนแปลง
การปกครอง และหมายรวมไปถึ
งอำนาจอธิ
ปไตยทั้
ง ๓ ภายใต้
รั
ฐธรรมนู
ญ คื
อ อำนาจนิ
ติ
บั
ญญั
ติ
อำนาจบริ
หาร และอำนาจ
ตุ
ลาการ อาจารย์
นิ
ธิ
เอี
ยวศรี
วงศ์
ได้
ให้
ข้
อสั
งเกตว่
า สมุ
ด
ลงพระนามบนพานทองนั้
น แสดงให้
เห็
นว่
าเป็
นการแสดงอาการ
ของไพร่
ที่
บั
งคั
บเอาอำนาจจากพระเจ้
าแผ่
นดิ
น หาไม่
แล้
วสมุ
ดนั้
น
จะต้
องไม่
มี
พานอยู่
ทั้
งนี้
เพราะผู้
ที่
สู
งศั
กดิ์
กว่
าไม่
จำเป็
นต้
องมี
พาน
ถวายของ ในทางตรงกั
นข้
ามผู้
น้
อยพึ
งต้
องมี
พานยื่
นถวายของ
แด่
ผู้
สู
งศั
กดิ์
ประตู
ป้
อมกลางที่
ตั้
งพานรั
ฐธรรมนู
ญ
มี
๖ ด้
าน
หมายถึ
งหลั
ก ๖ ประการ อั
นเป็
นนโยบายของคณะราษฎรที่
จะใช้
ในการปกครองประเทศต่
อไป ส่
วนรู
ปพระขรรค์
๖ เล่
ม ประดั
บ
ที่
ประตู
นั้
นก็
คื
อ หลั
ก ๖ ประการ ได้
แก่
หลั
กเอกราช
หลั
กความสงบภายใน หลั
กสิ
ทธิ
เสมอภาค หลั
กเสรี
ภาพ
หลั
กเศรษฐกิ
จ และหลั
กการศึ
กษา
อนุ
สาวรี
ย์
ประชาธิ
ปไตยนี้
ประดิ
ษฐานอยู่
บนลานวงกลม
ที่
ลดชั้
นเป็
นบั
นไดวงกลมโดยรอบ ตรงฐานด้
านนอกของปี
กทั้
ง
๔ มุ
มนั้
น ต่
อมารั
ฐบาลได้
ก่
อปู
นเป็
นอ่
างน้
ำพุ
โดยเหนื
ออ่
างนั้
นมี
รู
ปปั้
นพญานาคพ่
นน้
ำ รอบลานวงกลมสามารถจั
ดวางกระถาง
ไม้
ดอกให้
ดู
สวยงามได้
ในพิ
ธี
เปิ
ดอนุ
สาวรี
ย์
เมื่
อวั
นที่
๒๔ มี
นาคม พ.ศ. ๒๔๘๓
จอมพล ป.พิ
บู
ลสงคราม ได้
กล่
าวในพิ
ธี
เปิ
ดในครั้
งนั้
นว่
า
“อนุ
สาวรี
ย์
นี้
จะเป็
นศู
นย์
กลางแห่
งความเจริ
ญก้
าวหน้
า
ทั้
งมวล เป็
นต้
นว่
า ถนนสายต่
าง ๆ ที่
จะออกจากกรุ
งเทพฯ
ไปยั
งหั
วเมื
องก็
จะนั
บต้
นทางจากอนุ
สาวรี
ย์
นี้
ถนนราชดำเนิ
น
ซึ่
งเป็
นแนวของอนุ
สาวรี
ย์
ก็
กำลั
งสร้
างอาคารให้
สง่
างาม
เป็
นที่
เชิ
ดชู
เกี
ยรติ
ของประเทศ และเป็
นการสนองพระราชดำริ
ของพระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว พระปิ
ยมหาราช
ที่
ทรงตั้
งพระราชหฤทั
ย จะทำให้
ถนนนี้
เป็
นที่
เชิ
ดชู
ยิ่
ง”
นั่
นคื
อข้
อสรุ
ปว่
าให้
เห็
นว่
าทำไมอนุ
สาวรี
ย์
จึ
งต้
องตั้
งบน
ถนนราชดำเนิ
น อั
นเป็
นถนนที่
ทอดยาวจากพระบรมมหาราชวั
ง
ไปยั
งพระราชวั
งสวนดุ
สิ
ต ซึ่
งมี
ความสง่
างามตามแบบถนนเมล
ในอั
งกฤษ โดยพุ่
งตรงสู่
พระบรมรู
ปทรงม้
าและพระที่
นั่
ง
อนั
นตสมาคม และหั
กศอกลดแรงปะทะตรงสะพานผ่
านฟ้
าลี
ลาศ